รีเซต

รัสเซียระบุคว่ำบาตรเมียนมาเป็นนโยบายอันตราย อาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ

รัสเซียระบุคว่ำบาตรเมียนมาเป็นนโยบายอันตราย อาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ
ข่าวสด
6 เมษายน 2564 ( 23:34 )
65

วันที่ 6 เม.ย. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รัสเซียคัดค้านการคว่ำบาตรคณะผู้ก่อรัฐประหาร โดยเตือนว่ามาตรการลงโทษนี้อาจนำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองอย่างกว้างขวางในประเทศ ความเห็นของรัสเซียเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับจีนที่ออกมาคัดค้านการคว่ำบาตรเมียมาก่อนหน้านี้

 

 

สำนักข่าวอินเทอร์แฟ็กซ์ (Interfax) ของรัสเซียรายงานว่าโฆษกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า "การมุ่งหน้าข่มขู่และกดดัน ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรทางการเมียนมาไม่ใช่ทางออก แต่เป็นเรื่องอันตรายมาก" และจะผลักดันเมียนมาเข้าสู่สงครามกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบ

 

 

ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ พยายามกดดันกองทัพเมียนมาด้วยการจัดการกับผลประโยชน์ทางธุรกิจต่าง ๆ อาทิ ธุรกิจค้าหยกและทับทิม อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังไม่สามารถยับยั้งกองทัพเมียนมาให้หยุดปราบปรามประชาชนได้

 

สงครามกลางเมือง

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอีกว่า กลุ่มติดอาวุธต่างชาติพันธุ์ 10 กลุ่ม ออกมาสนับสนุนขบวนการประท้วงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองอย่างกว้างขวาง และสหประชาชาติก็ออกมาเตือนแล้วว่าอาจเกิดการ "นองเลือด" เร็ว ๆ นี้

 

 

ที่บริเวณชายแดนไทยติดกับเมียนมา เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยหลังทหารเมียนมาเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเขตอิทธิพลของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู ตั้งแต่เย็นวันที่ 27 มี.ค. โดยชาวบ้านกะเหรี่ยงกว่า 3,000 คน จาก 9 หมู่บ้านในเมืองลูตอ รัฐกะเหรี่ยง ที่ต้องทิ้งบ้านเรือนพยายามหนีเข้ามาฝั่งไทย

 

 

เจ้าหน้าที่เคเอ็นยูให้ข่าวกับสื่อไทยว่าอีกสาเหตุหนึ่งของการโจมตีรัฐกะเหรี่ยงและรัฐมอญเกิดจากการที่เคเอ็นยูไม่ยอมเปิดเส้นทางให้กองทัพเมียนมาส่งเสบียงไปให้ทหาร ผลของการโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 20 คน และทำให้คนหนุ่มสาว เด็กเล็ก และคนชรา ในรัฐกะเหรี่ยงกว่า 12,000 คนต้องหนีตายทิ้งบ้านเรือน

 

 

เคเอ็นยูอ้างว่าการโจมตีเกิดขึ้นอีกหลายครั้งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ทางการเมียนมาประกาศทางโทรทัศน์ว่าจะหยุดยิงเป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ก็ตาม

 

 

เมียนมาตกอยู่ในวิกฤตตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (Assistance Association for Political Prisoners--AAPP) ระบุว่า มีคนถูกจับกุมไปแล้วกว่า 2,700 ราย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 570 ราย โดยในจำนวนนั้นมีเด็ก 47 ราย

 

นอกจากนี้ ทางการได้ออกหมายจับผู้มีชื่อเสียง 80 ราย อาทิ นักร้อง นายแบบและนางแบบ และอินฟลูเอนเซอร์ทางโซเชียลมีเดีย โดยกล่าวหาว่าพวกเขาเผยแพร่ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดการขัดขืนคำสั่งในหมู่ทหาร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง