ช่วงนี้ไปไหนมาไหน เราจะได้พบเจอคนใส่หน้ากากอนามัยกันเต็มเมือง เนื่องด้วยปัญหาควันพิษ ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ที่มีมากจนเข้าขั้นวิกฤต จนแพทย์ออกมาเตือนถึงภัยร้ายของเจ้าฝุ่นจิ๋วนี้ว่า ฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กมากพอที่จะหายใจเข้าไปสู่ปอด และซึมผ่านผนังปอดเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ส่งผลต่อร่างกายทั้งแบบเฉียบพลัน (เห็นผลใน 1-2 วัน) ในระบบทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ หายใจมีเสียงฟีดฟาด เลือดกำเดาไหล ถ้าฝุ่นเข้าตา ทำให้เคืองตา ตาแดง โดนผิวหนังก็จะเกิดผื่นคัน เป็นตุ่มได้ ส่วนผลแบบเรื้อรัง ที่จะส่งผลในระยะยาว คือเส้นเลือดหัวใจตีบตันทำให้หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดปกติ เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองตีบ ทำให้เกิดภาวะอัมพาตหรือเสียชีวิต เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และมีผลต่อทารกในครรภ์ซึ่งอันตรายมาก อ่านกันมาถึงจุดนี้ก็สร้างความตระหนกตกใจกันไม่ใช่น้อย แล้วเราจะอยู่กันอย่างไรต่อบนโลกใบนี้ถึงอย่างไรมนุษย์ก็ยังคงต้องอาศัยโลกใบกลม ๆ นี้กันต่อไปอีกนาน นอกจากเราจะป้องกันเจ้าฝุ่นร้าย ด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากการใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกไปนอกบ้าน และเปิดเครื่องฟอกอากาศสำหรับบ้านที่มีเครื่องฟอกอากาศในบ้านแล้ว เราลองมาช่วยกันแก้ไขที่ต้นเหตุกันจะดีไหม ช่วยกันปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นมาก ๆ เพราะต้นไม้เป็นเครื่องฟอกอากาศชั้นดี ช่วยเพิ่มออกซิเจนในแก่โลกเรา ดูดควันพิษที่เหล่ามนุษย์สร้างขึ้น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ปลูกบ้านละต้นสองต้น ถ้าเราร่วมใจกันเพียงเท่านี้โลกก็จะเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ อากาศดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นมาใหม่ได้บนโลกที่เราใช้อยู่อาศัยกันมานาน และจะได้ส่งต่อโลกอันสดใสให้ลูกหลานได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีกันต่อไปต้นไม้ฟอกอากาศนั้น มีอยู่จริงที่เราเรียกต้นไม้เหล่านี้ว่า "ต้นไม้ฟอกอากาศ" ก็เนื่องจากว่า ต้นไม้เหล่านี้จะดูดสารพิษ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สารเบนซินโทลูอีน (สารที่มาจากวัสดุก่อสร้างภายในบ้าน) ก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ (ก๊าซไม่มีสีใช้ในอุตสาหกรรมสี กาว และสารเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้) เป็นต้น เมื่อมันดูดสารพิษแล้วจะคลายก๊าซออกซิเจน ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในการหายใจ และเพิ่มความชื้นในอากาศ จึงสามารถลดฝุ่นได้ ในความเป็นจริงต้นไม้ทุกชนิดก็สามารถฟอกอากาศให้กับเราได้ทุกต้น แต่วันนี้จะขอหยิบยกต้นไม้ฟอกอากาศที่สามารถปลูกได้ง่าย ปลูกได้ในอาคาร บ้านเรือน ที่สำคัญดูแลง่าย ทนทาน เพราะวิถีชีวิตของเราในปัจจุบัน มีข้อจำกัดทางด้านสถานที่ และเวลาจึงทำให้การปลูกต้นไม้ดูจะยุ่งยากไปเสียหน่อยในยุคนี้ ต้นไม้ที่จะขอหยิบยกมาให้รู้จักกันจึงช่วยแก้ปัญหา ข้ออ้างต่าง ๆ ของมนุษย์เมืองอย่างพวกเราไปได้ แม้จะเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย เรามาเริ่มลงมือกันดีกว่า....ลุยต้นว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์กับมนุษย์อย่างมาก มีสรรพคุณทางยา ใช้รักษาแผล ข่วยฟอกอากาศ คายออกซิเจนตอนกลางคืน มีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจำพวกฟอร์มาลดีไฮด์ได้ดีต้นเดหลี เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ช่วยขจัดมลภาวะจากสารเคมีพิษที่อยู่ในอากาศ นิยมปลูกในอาคาร แสงแดดอ่อนรำไรต้นเฟิร์นบอสตัน เป็นพืชที่ต้องการความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ช่วยทำความสะอาดอากาศภายในอาคารได้ดี สามารถดูดสารพิษได้มาก โดยเฉพาะก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ต้นลิ้นมังกร เป็นไม้ประดับมงคลนิยมปลูกกันมาก ปลูกง่าย ทนทาน ไม่ต้องการน้ำมาก ขยายพันธ์ุโดยการตอนกิ่งหรือปักชำ คายไอน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ความสดชื่นแก่บรรยากาศของห้องที่อับ ช่วยดูดสารพิษหรือฟอกอากาศได้นอกจากต้นไม้เหล่านี้แล้วยังมีอีกมากมายหลากหลายชนิดให้เราได้เลือกที่ชอบไปปลูกในบ้าน นอกจากจะเพิ่มความสดชื่น ช่วยฟอกอากาศแล้ว ต้นไม้บางชนิดก็มีคุณลักษณะเหมาะแก่การเสริมดวง เสริมฮวงจุ้ยให้แก่บ้านเราด้วยนะ เช่น ต้นลิ้นมังกร หรือที่เขาเรียกกันว่า"หอกพระอินทร์" คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพราะเชื่อว่าป้องกันอันตรายได้เนื่องจากลักษณะเหมือนหอกของพระอินทร์ที่เอาไว้สู้ป้องกันศัตรูจากภายนอก เห็นไหมว่าต้นไม้มีอะไรให้เราเรียนรู้ ศึกษาอีกมาก นอกจากจะมีประโยชน์ต่อโลกแล้วยังมีประโยชน์ต่อใจอีกต่างหาก เห็นประโยชน์ของต้นไม้มากมายขนาดนี้แล้วเรามาร่วมแรงร่วมใจปลูกต้นไม้เพื่อโลกเรากันเถอะ