เรื่องราวของ 'อนโจ' เด็กมัธยมปลายที่เปิดร้านขายเวลาในอินเทอร์เน็ต เป็นสถานที่ที่รับฟังคำขอพิเศษจากผู้คน จึงทำให้อนโจได้พบกับเรื่องราวต่างๆมากมาย ที่ทำให้มองเห็นคุณค่าของเวลาและคุณค่าของชีวิต ความรู้สึกที่แสดงผ่านตัวละครทำให้เราฉุกคิดเรื่องราวต่างๆในชีวิตของเราเช่นกันเมื่อเห็นชื่อหนังสือครั้งแรกในใจแอบคิดว่าเป็นวรรณกรรมแฟนตาซี แต่หนังสือเล่มนี้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวผ่านชีวิตของเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีการเล่าเรื่องคล้ายนวนิยายแนวสืบสวน ทำให้อ่านเพลินมากๆค่ะ หากช่วงเวลาชีวิตของเราคือช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราอาจจะยังอยู่ตอนตีห้าก็ได้ อนโจอาศัยอยู่กับแม่ ส่วนพ่อต้องมาจากไปเพราะอุบัติเหตุ พ่อของอนโจทำงานเป็นนักผจญเพลิง เป็นผู้ซึ่งอุทิศชีวิตในการช่วยเหลือผู้คน เมื่ออนโจได้พบกับเรื่องราวต่างๆจากลูกค้าร้านขายเวลาก็ทำให้อนโจเข้าใจพ่อมากขึ้นเพราะอนโจก็อยากช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้อนโจได้พบเจอกับประสบการณ์ยากลำบากจากการทำงานพาร์ทไทม์มา2แห่ง ทำให้เธอต้องออกจากงาน สุดท้ายจึงเกิดความคิดในการเปิดร้านขายเวลาขึ้นมา คนมากมายต่างพูดกับเธอว่าอยู่มัธยมปลายเอาเวลาหาทำงานไปอ่านหนังสือดีกว่า แต่อนโจไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนม้าแข่งในสนามที่ต้องคอยแข่งขันกันตลอดเวลา และทุกคนทำตามกันเหมือนหุ่นยนต์ อนโจแอบเปิดร้านขายเวลาลับๆ โดยที่ข้อมูลทุกอย่างของลูกค้าจะถูกเก็บเป็นความลับ เปิดเรื่องมาเธอก็ได้รับข้อความจากลูกค้าคนแรกที่ทำให้วุ่นวายใจ เพราะเขามาพร้อมกับภาระอันใหญ่หลวงจนทำให้อนโจอยากปิดร้านเลยทีเดียว แต่เธอก็อยู่ในสถานการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องแก้ปัญหาและรีบทำงานให้เสร็จลุล่วง เรื่องที่ประทับใจที่สุดคือเรื่องราวของลูกค้าคนหนึ่งที่ชื่อคุณดอกหญ้า คุณดอกหญ้าได้มอบหมายให้อนโจไปส่งจดหมายให้กับสถานที่แห่งหนึ่ง ถึงจะเป็นงานที่แทบจะไม่เหลือค่าจ้างแถมอนโจยังต้องควักเงินในกระเป๋าตัวเองออกเพิ่มเติม แต่งานนี้กลับทำให้อนโจรู้สึกถูกเติมเต็ม และงานในครั้งนี้ทำให้คุณดอกหญ้าได้ซื้อเวลาให้กับตัวเองอีกหน่อย เมื่อได้ทำงานต่างๆที่ลูกค้าร้องขอ ทำให้เธอได้เข้าใจในเรื่องเวลาและชีวิตมากขึ้น ได้รู้จักกับทุกข์และสุขของผู้คน และสิ่งที่สำคัญที่ได้เรียนรู้คือ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ บางเรื่องต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งมากกว่านั้น อนโจพูดอย่างภูมิใจได้เต็มปากว่ารู้สึกดีใจที่ได้เป็นเจ้าของร้านขายเวลาแห่งนี้ ประโยคที่ชอบในหนังสือ อย่างน้อยต้องรู้ว่าทำไมต้องวิ่ง การแข่งขันนั้นถึงจะมีความหมาย ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะก็ตามตามในส่วนที่มีคนบอกให้อนโจไปอ่านหนังสือดีกว่ามาหางานทำ ก็เปรียบเหมือนเราเป็นม้าที่อยู่ในสนามวิ่งแข่งกันไปเรื่อยๆโดยไม่รู้เป้าหมายสูงสุดของตัวเอง สักวันหนึ่งเราอาจจะหาเหตุผลว่าทำไมเราต้องวิ่งล่ะ แต่ละวันแค่ตื่นมาแล้วก็วิ่ง จากนั้นอีกวันก็ตื่นมาวิ่งใหม่ไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายเราจะต้องวิ่งไปที่ไหน กลับกันถ้าเราได้วิ่งไปตามใจ วิ่งอย่างมีเป้าหมายอาจจะช้าบ้างเร็วบ้าง แต่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ใด สุดท้ายไม่ว่าที่ปลายทางจะได้พบสิ่งที่รอคอยหรือไม่ อย่างน้อยในระหว่างทางเราก็ได้พยายามมาจนถึงจุดนี้ ชีวิตไม่มีแพ้หรือชนะหรอก มีแค่ชนะหรือได้เรียนรู้เท่านั้นเอง สมัยนี้ทุกสิ่งช่างรวดเร็วเหลือเกิน เมื่อรวดเร็วเกินไปก็มักเกิดปัญหาตามมาเสมอเป็นประโยคจากคุณปู่ของคังโท(ลูกค้าคนหนึ่งของร้ายขายเวลา) ในปัจจุบันนี้ที่โลกไร้พรมแดน ผู้คนสามารถมองเห็นชีวิตของกันและกันได้มากขึ้น เมื่อได้เห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จมากมาย เห็นคนที่อายุเท่าๆกันพัฒนาไปอย่างรวดเร็วก็เอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง ทำให้เกิดการแข่งขันแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างรวดเร็วเพราะอยากพัฒนาให้ทันคนอื่นๆ จนบางครั้งกลับรู้สึกผิดที่นอนพักเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยในวันหยุด เพราะคิดว่าเสียเวลาพัฒนาตัวเองไป กลายเป็นใช้ชีวิตโดยต้องก้าวให้ทันโลกที่รวดเร็วตลอดเวลา สุดท้ายรู้ตัวอีกทีก็อาจจะอายุเยอะจนหมด passion ที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ และสุดท้ายคุณปู่ก็ได้ให้ข้อคิดว่าฉันคิดว่าจะล้มลงหากฉันไม่วิ่ง กว่าจะรู้ก็สายไป ว่าหากวิ่งแล้วเหนื่อย จะหยุดวิ่ง หรือเปลี่ยนเป็นเดินแทนก็ได้ บางทีชีวิตของคนเราอาจเป็นเพียงเนื้อหาของเวลาก็ได้เมื่อเราโฟกัสกับตัวเองเราจึงคิดว่าเหตุกาณ์ต่างๆหรือปัญหาใดๆที่ได้เผชิญมาเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก จนเก็บมานั่งคิดไม่ตก แต่เรากลับลืมคิดว่าจักรวาลนี้ตั้งกว้างใหญ่ ถึงจะมีเราหรือไม่ โลกก็จะดำเนินไปอย่างที่มันเคยดำเนินมา ชีวิตของเราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเวลา เพราะฉะนั้นเกิดมาครั้งเดียว อยากให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ เราเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเจอเรื่องใด สุดท้ายเรื่องนั้นก็จะผ่านไปเหมือนที่มันเคยผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร ขอเพียงมีใจที่จะพุ่งเข้าชนอย่างไม่หวาดหวั่นหรือกลัวตาย ทุกปัญหาเหล่านี้นั้นย่อมคลี่คลายได้ดีเสมอในการเปิดร้านขายเวลาแน่นอนว่าอนโจก็ต้องคอยแก้ปัญหาอยู่ตลอด เธอจึงใช้คตินี้ในการแก้ปัญหา สิ่งนี้ก็สามารถนำมาปรับใช้กับเราได้เช่นกัน เคยไหมที่เพียงแค่คิดถึงปัญหาเราก็เหนื่อยใจที่จะแก้ไข จึงวิ่งหนีหรือผลัดวันไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะคาใจและหนีปัญหานั้นไม่พ้น เพราะมันก็จะวกกลับมาเราอยู่ดี ฉะนั้นพุ่งชนปัญหาเลยค่ะ สุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเราจะสามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้เสมอ เชื่อมั่นในตัวเองกันเถอะนะคะ ภาพหน้าปกและภาพประกอบ โดย : ผู้เขียน จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !