นิยามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ให้นิยามของ "ศิลปะ" ว่า การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์ด้วยสื่อต่าง ๆ อย่างเสียง เส้น สี ผิว รูปทรง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ให้นิยามของ "วิศวกรรมศาสตร์" ว่าเป็น วิชาที่เกี่ยวกับการนำความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ มีหลายสาขา เช่น วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล เป็นต้น "สถาปัตยกรรมศาสตร์" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ถือว่า เป็นศิลปะและวิทยาเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่ประกอบด้วยศิลปลักษณะPhotosตัวอย่างบุคคลทางด้านศิลปะ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมleonardo da vinci en el renacimiento เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) เป็นบุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะในหลายด้านหลายสาขา ซึ่งในสาขาเหล่านั้นรวมทั้งด้านวิจิตรศิลปะกรรม เเละ วิศวกรรมออกแบบการชลประทานด้วย ในยุคที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาได้เออกเเบบเครื่องจักรกล และสิ่งประดิษฐ์เป็นจำนวนมากที่ล้ำยุคจากในยุคสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งวิทยาการในสมัยนั้นไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นออกมาได้จริง เเละ สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ในเเบบเเปลนสิ่งประดิษฐ์ของเขามีเเบบเครื่องร่อนและเรือดำน้ำอยู่ด้วยตัวอย่างผลงงานของ เลโอนาร์โด ดา วินชีThe Mona Lisa ผลงานชินนี้เป็นหนึ่งผลงานวาดภาพสีน้ำมันชิ้นเอกของดาวินซี มี ความสูง 77 เซนติเมตร เเละกว้าง 53 เซนติเมตร ภาพของเธอได้ถูกวาดขึ้นในคริสต์วรรษที่ 16 ในช่วงปี ค.ศ.1503-1507 หรือในปี พ.ศ.2046-2050 บ้านเรา โดยตัวผลงานเขาใช้เวลาสร้างมันถึง 4 ปีด้วยกันตัวอย่างเเบบเชิงวิศวกรรมของเลโอนาร์โด ดา วินชีThe Revolving Bridge สะพานนี้ถูกออกเเบบ สำหรับใช้ในการเคลื่อนทัพผ่านพื้นที่ในสมรภูมิทุรกันดาร ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยกพลข้ามแม่น้ำ โดยตัวสะพานดังกล่าวมีระบบชักรอกและสายพาน ทำให้ทหารกางออกมาใช้งานและชักรอกเก็บได้อย่างรวดเร็ว มีจุดประสงค์เพื่อกันศัตรูข้ามกลับมาตีณฝังที่ฝ่ายเราตั้งอยู่Scuba Gear สิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคที่เกิดจากแรงบันดาลใจของดาวินชีที่หลงใหลในท้องทะเล เขาจึงทำการออกแบบอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการดำน้ำขึ้นมาหลายชนิด รวมถึงเรือดำน้ำ และชุดประดาน้ำนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยตัวชุดทำจากหนังและเชื่อมต่อกับท่อและโลหะทรงกลมซึ่งทำ หน้าที่เป็นเหมือนสน็อกเกิ้ล หรือหน้ากากดำน้ำยุคปัจจุบัน นอกจากนั้น ชุดดำน้ำชุดนี้ยังมีถุงเก็บปัสสาวะ รวมอยู่ในกระดาษออกเเบบของลีโอนาโดด้วยสถาปัตยกรรม เเละงานวิศวกรรมศาสตร์จาก นิยามของจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ทำให้เราได้ทราบว่า งานด้านสถาปัตยกรรมเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในงานศิลปะ เเละ สถาปัตยกรรมศาสตร์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิศวกรรมอย่างเห็นได้ชัดในด้าน Building construction เเละ System Engineeringทีนี้ เรามาดูตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่เราสามารถเชื่อมโยงโลกวิศวกรรมกับโลกเเห่งศิลปะได้เด่นชัด ก็คือ สถาปัตยกรรมแบบโกธิค สถาปัตยกรรมแบบโกธิค คือ สถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่พัฒนาขึ้นในสมัยกลางของยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 5 ถึง 16 ในยุคนี้เป็นยุคที่ศิลปะ เเละ วิศวกรรมรุ่งเรื่องสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สถาปัตยกรรมแบบโกธิคจำเป็นต้องมีคือ Pointed Arch, Ribbed Vault และ Flying Buttresses ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดๆ ของ อาคารที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงนี้ อาทิเช่น มหาวิหารนอเตรอดาม เดอ ปารีส มหาวิหารชาร์ตร์ หรือ มหาวิหารนอเตรอ ดามแห่งชาร์ตร์ ดังภาพด้านล่าง เป็นต้น ภาพประกอบ: Cathédrale de Chartres (มหาวิหารนอเตรอดาม เดอ ปารีส มหาวิหารชาร์ตร์) ในส่วนที่เป็น Pointed Arch หรือ วงโค้งแหลม มีลักษณะเป็นวงโค้งที่ถูกดึงยอดให้แหลมขึ้น ทำให้พื้นอาคารเเบบโกธิคที่รับแสงมากขึ้น เเละ อาคารจะดูสูงโปร่ง นอกจากนี้หากพูดในเชิงความมั่นคงของตัวโครงสร้างการทำให้ยอดแหลมยังทำให้เกิดการกระจายแรงกระทำจากหลังคาถ่ายลงมาสู่ฐานรากส่วนล่างได้ง่ายขึ้น ซึ่งการวางโครงสร้างเเบบนี้เป็นการถ่ายน้ำหนักจาก ณ หลังคาลง มาที่พื้นที่มีฐานมันคงทำให้ตัวอาคารสามารถตั้งได้ไม่ถล่มเหนือสิ่งใดคือยังคงความสวยงามอีกด้วย ภาพประกอบ: ประตูที่มีโครงสร้างเเบบโกธิคที่เรียกว่า Pointed Arch (วงโค้งแหลม)เชื่อมโลกวิศวกรรมศาสตร์ กับ โลกของศิลปะได้อย่างไร หากจะพูดถึงวิชาในเชิงวิศวกรรมที่เป็นวิชาขั้นพื้นฐานเเบบ วิชา Drawing ทั่วไปเชิงศิลปะเเล้ว เราคงจะขาดวิชานี้ไปไม่ได้ Engineering Drawing โดยวิชานี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ การเขียนที่แสดงเป็นภาพ รูปร่าง สัญลักษณ์ และรายละเอียดของแบบที่ออกไว้ เพื่อให้นำไปสร้างเป็นของจริงได้ ในการเขียนแบบจะต้องมีความรู้ในสิ่งต่าง ๆ เข้ามาด้วย ซึ่งการเขียนเเบบของวิชา Drawing ของ วิศวกรรมนั้น เป็นการเขียนเเบบที่ถูกลดทอนการการเขียนเเบบของสถาปัตยกรรมที่มีการใช้ perspective line เข้าไปโดยเราจะใช้เเค่การเขียนภาพเเบบ orthographic projection เเละ เน้นไปที่การเเสดงภาพ 4 เเบบ คือ1. แบบไอโซเมตริก(isometric) เป็นแบบที่มีมุม 30 องศา เท่ากันทั้ง 2 ข้าง 2.แบบไดเมตริค (dimetric) เป็นแบบที่มีมุม 15 องศา เท่ากันทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เห็นเป็นมุมที่ชันน้อยลง 3. แบบไทรเมตริก (trimetric) เป็นแบบที่มีมุม 15 องศา ข้างหนึ่ง และมุม 45 องศาอีกข้างหนึ่ง เพื่อแสดงให้รู้ว่าด้านทั้งสองมีความสำคัญไม่เท่ากัน 4. แบบออบบลิค (oblique) เป็นแบบที่ต้องการเน้นด้านหน้ามากกว่าด้านข้าง จะมีมุมเอียงเฉพาะด้านข้างเท่านั้น แบบออบบลิคยังแยกออกเป็น 2 แบบ คือ แบบออบบลิคคาวาเลีย (cavalier) ซึ่งเขียนให้ด้านหน้าขนาน ด้านข้างเอียงเป็นมุมไม่ตายตัว เช่น 15 องศา 30 องศา หรือ 45 องศา เพื่อให้ใช้ไม้ฉากสามเหลี่ยมได้สะดวก ด้านหน้าและด้านข้างใช้สเกลจริง เเละ แบบออบบลิคคาบิเนท (cabinet) ซึ่งมีด้านหน้าขนาน ด้านข้างเป็นมุม 15 องศา , 30 องศา หรือ 45 องศา เช่นเดียวกัน แต่ด้านข้างจะกว้างเพียงครึ่งหนึ่งของของจริง ทั้งนี้เพราะด้านข้างของวัตถุบางอย่างไม่มีรายละเอียดที่ต้องการแสดง เช่น ด้านข้างของตู้ เป็นต้นโดยภาพเเบบ Isometric นิยมนำมาใช้มากที่สุดโดยการเขียนจะมีเส้น rayout, object line, hidden line, dimension line เเละ border line ภาพประกอบ: ภาพ Isometric นอกเหนือจากนี้เรายังคงมีความรู้อีกส่วนหนึ่งในเชิงวิศวกรรมที่เรานำมาประยุกต์ใช้เพื่อทำให้อาคารมั่นคงเเละยังคงความสวยงามได้ ก็คือ ความรู้เรื่องสมดุลของเเรง ดังนั้นเเล้วไม่ว่าจะเป็นเเบบของสถาปัตยกรรม หรือ การสร้างงานอาหาร เเละ ศิลปะ ก็จะมีงานของวิศวกรรมศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อช่วยสร้างความสมดุล เเละ ความมันคงของงานศิลปะ ผ่านการคำนวณ เพื่อนำไปใช้งานจริง เนื่องด้วยศาสตร์ของวิศวกรรมคือศาสตร์ที่ว่าด้วยการนำคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ ขอขอบคุณรูปภาพจาก pixabay โดยมีภาพดังนี้ Photos / leonardo da vinci en el renacimiento / The Mona Lisa / Scuba Gear / Cathédrale de Chartres / Pointed Arch / Isometricขอบคุณภาพส่วนประกอบปกจาก pixabay จากคุณ ElasticComputeFarm : ภาพประกอบปก เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !