“ตอนนี้เก่งมากแล้ว ไม่ต้องแบกรับความคาดหวังของใคร” เริ่มมาก็ชวนน่าสนใจกันแล้วใช่ไหมละ สวัสดีผู้อ่านทุกท่านจ้า บทความนี้จะมารีวิวหนังสือที่ต้องบอกว่าน่าสนใจและก็ตรงกับชีวิตของทุกๆ คนที่กำลังทำตามความฝันหรือมีเส้นทางที่ไม่ได้ดั่งใจเลย ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านก็ย่อมมีเส้นทางเป็นของตัวเอง มีเป้าหมาย มีแผน มีฝันอยากจะก้าวไปจุดที่อยากเป็น อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งเสียใจเลย ลองมาอ่านหนังสือเล่มที่ผู้เขียนจะมารีวิวก่อนเน้อ อาจจะช่วยผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ไม่ให้เสียเวลานี่คือบทความรีวิวหนังสือ “ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง” หนังสือ "ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง" เขียนโดยคุณ "วินนี่" โดยเป็นหนังสือยอดนิยมอยู่จนถึงปัจจุบันเลยก็ได้ มีหลายคนก็ซื้อหนังสือเล่มนี้เยอะจากที่ผู้เขียนพบเห็นผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย โดยนี่น่าจะเป็นหนังสือเล่มแรกของคุณวินนี่ที่ผู้เขียนได้อ่าน ซึ่งคุณวินนี่ก็มีผลงานหนังสือออกมามากมาย และมาดูกันว่าหลังจากที่ผู้เขียนได้อ่านแล้วจะได้มาบ้าง แชร์แบ่งบันให้ผู้อ่านทุกท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้กันจ้า ผู้เขียนจะหยิบบางส่วนเน้อ มาอ่านกันได้เลยจ้า เป้าหมายทุกคนแตกต่างกัน ใช่แล้ว ทุกคนมีสิ่งที่อยากไขว่คว้าแตกต่างกัน เป้าหมาย ความสำเร็จที่ตั้งไว้ จะเล็กใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ไม่ต้องกดดันตัวเอง ลงมือทำอย่างตั้งใจ ลองผิดลองถูกเยอะๆ แล้วจะรู้ความต้องการของชีวิต เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ค่อยไปใหญ่ๆ เบิ้มๆ ก็ได้จ้า สมมุติอย่างเช่น ตั้งเป้าไว้ว่าอยากไปให้ทั่ว 77 จังหวัดของประเทศไทย แต่ตอนนี้เรายังไปไม่ถึง 10 จังหวัด ไม่ต้องเร่งก็ได้ เวลามีอีกเยอะ สักวันต้องไปถึง 77 จังหวัดแน่นอนจ้า หรือเป้าหมายเล็กๆ อย่างได้ไปกินบะหมี่ป๊อกๆ เจ้านี้ อยากไปดูหนังเรื่องนี้ให้ได้ก็ได้เหมือนกัน ไม่เจอไม่สำเร็จตอนนี้ ก็เจอในวันต่อไปได้ ความสุขมีได้ระหว่างการเดินทาง มีช่วงนึงในหนังสือที่ชื่อว่า “ไม่ต้องเก็บสิ่งที่ชอบไว้ทำทีหลังสุดก็ได้” ผู้เขียนชอบที่เขายกตัวอย่าง “กินไข่ขาวก่อนกินไข่แดง” ไข่แดงเป็นตัวแทนของความสุข พอไข่ขาวหมดจะกินไข่แดงต่อก็ไม่ไหวแล้ว อิ่มจุก ซึ่งแปลว่าความสุขไม่จำเป็นต้องเอาไว้ตอนสุดท้าย มีความสุขระหว่างทางก็ได้เหมือนกัน ไม่มีทางเลือกไหนที่ดีที่สุด เลือกแบบไหน ยอมรับผลของทางที่เลือกได้ก็พอ ทุกเส้นทางมีหลากหลายอย่างที่ต้องเจอ ผ่านความเจ็บปวดและความเสียใจ ถึงจะเป็นแค่ชั่วคราว ผ่านมาผ่านไปแต่ก็เป็นบทเรียน ประสบการณ์ ความทรงจำที่จะทำให้ต้องเติบโตไปอีกขั้น ทางที่เลือกอาจสูญเสียบางสิ่งบางอย่างโดยที่ไม่รู้ตัว บางทีอาจลืมมองสิ่งรอบตัวที่เคยคุ้นชินที่ทำให้มีความหมายแต่เมื่อวันนึงห่างไกลจากสิ่งที่คุ้นชิน ก็อาจจะกลายเป็นว่าไม่มีวันหวนคืนมาอีกก็เป็นได้ แบบไม่ทันรู้ตัวเลย ย้อนเวลาก็ไม่ได้ ได้แต่ยอมรับมัน อย่าจดจ่อมากเกินไปจนลืมสิ่งรอบข้างที่เป็นส่วนดีๆ ในชีวิตไปละ เป็นตัวเองก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องยึดติดความเป็น Perfectionist หรอก ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครไปหมดซะทุกเรื่อง คนที่เรียนเก่ง ไม่ใช่ว่าจะเก่งเทพไปทุกวิชาเลย ภูมิใจในสิ่งที่มีเถอะจ้า ถ้าเกิดที่ผ่านมามีแต่เรื่องที่ไม่เป็นตัวเองเลยอย่าเสียใจเลย ไม่ต้องไปเสียเวลา ทำเท่าที่ไหว ทำตามเสียงใจตัวเองสั่งมา อย่าแบกโลกทั้งใบจนไม่มีโอกาสทำเพื่อตัวเองเลย ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าตัวเองก็ยึดติดกับความ Perfectionist เวลาฝึกวาดรูป แบบว่าต้องการให้มันสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่งานไม่สวยเลย แต่ว่ามันก็ทำให้กดดัน รู้สึกไม่ดีเช่นกัน ยิ่งช่วงที่มีคลิปที่คุณ PewDiePie ฝึกวาดรูปเป็นปีจนกลายเป็นงานวาดรูปดีมาก ถึงคลิปของเขาจะช่วยให้กำลังคนดูมากมาย แต่ว่าตอนนั้นผู้เขียนกลับรู้สึกท้อกว่าเดิม รู้สึกว่าทำไมเขาทำได้ เราทำไม่ได้ ยึดติดกับความ Perfectionist อีก กว่าจะพัฒนาตัวเองได้ก็ยึดติดแต่ว่าต้องดีไม่มีที่ติเลย แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่ต้องคิดถึงขั้นนั้นก็ได้ ทำเท่าที่ไหวพอ ไว้โตขึ้นอีกหน่อยค่อยว่ากันจ้า ทำทุกวันให้ดี โดยไม่ต้องยึดว่ามันต้องสมบูรณ์แบบเสมอไปจ้า ทำไปเลย ไม่ต้องคิดเยอะ ความรักเป็นส่วนหนึ่งของเราเสมอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนก็ต้องมีความรัก ทุกการเดินทางบนเส้นทางที่เราเลือกเดินมักจะได้รักติดตัวไปเสมอ เป็นพลังได้ดีเยี่ยมเลย ทำดีได้ดี พัฒนาตัวเอง เดี๋ยวรักจะมองเห็นเอง ไม่ต้องโหยหาความรักความเมตตาขนาดนั้น อยู่คนเดียวก่อน เดี๋ยวสายลมหรือโชคชะตาจะนำพาให้มาเจอความรักที่ feel so good กับตัวเราเอง จะใกล้หรือไกลแต่ว่าความรักมีให้ตลอดแน่นอนจ้า ตลอดไปไม่มีอยู่จริง ไม่มีสิ่งไหนอยู่กับทุกคนได้ตลอด จะคนรัก ชื่อเสียง สิ่งของ ยังไงทุกอย่างต้องมีสิ้นสุดลง ตอนนี้เราอาจมีโอกาสอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่ก็จงรักให้ดีที่สุด ใส่ใจและพยายามก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีแค่ไหนแล้ว เลือกสิ่งที่ดีกว่า คนที่ดีกว่าในชีวิตก็ดีมากพอแล้ว Move On เดินต่อไปจ้า ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์รักคนนึงแต่ก็อกหัก กว่าจะทำใจยอมรับก็นานหลายเดือน Move On จากเรื่อง Toxic Move On เรื่องอะไรก็ได้ที่คิดว่ากำลังทุกข์ในตอนนี้ สุดท้ายมันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ พยายามไปก็เหมือนเดิม รักเธอมัน Sad รักตัวเองดีกว่านะจ๊ะ ปล่อยวาง คิดอะไรไม่ดีทิ้งไป อย่าไปเสียดาย คำถามว่ากลับไปเป็นอย่างเดิมไหมก็คงได้แต่คงยากและมันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่เดินหน้าก็ต้องจมดิ่งกับความมืดมิดไปเรื่อยๆ เสียดายแต่ไม่เสียใจ จะโกรธจะเกลียดยังไง แต่ว่าการที่ไม่รู้สึกแล้วมันดีเน้อ เสียใจแต่ไม่แคร์ เราหล่อ เราสวย เราเก่ง ไปต่อไม่รอแล้วจ้า จงเชื่อเถอะว่า “ทุกคนมีจังหวะชีวิตเป็นของตัวเอง” ไม่ต้องประสบความสำเร็จเร็ว ถ้ายังไม่ไปถึงฝันในตอนนี้ ก็ขอให้มีความสุขดีในทุกๆ วันก็พอแล้ว ทุกการเติบโตย่อมมีจังหวะชีวิตของตัวเอง ให้คิดว่าต้นไม้หรือดอกไม้ที่ต้องใช้เวลาในการที่จะผลิบานเป็นความสวยงามที่ผู้คนแห่มาเข้าชม ถ่ายรูปกัน สักวันเราก็ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ไม่ต้องรีบเร่ง เพราะ มันไม่มีสูตรลัด สูตรโกง ต้องอดทนและมันจะสวยงามเอง เขียนเรื่องที่อยากทำดูสิ ใจดีกับตัวเอง ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนสามารถเติบโตกลายเป็นสิ่งที่สวยงามได้เพียงแค่ไม่ต้องรีบเร่ง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถึงแม้เราจะเห็นเพื่อนๆ ใครก็ตามไปมีชีวิตที่ดี มีสามีภรรยา งานที่ดี มองดูตัวเองนี่คนละระดับแต่ว่านั่นคงเป็นจังหวะของพวกเขา แต่จังหวะของเราที่เราทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จต้องมีในสักวันแน่นอน ผู้เขียนนึกถึงนักมวยปล้ำคนนึงที่ชื่อว่า Cody Rhodes เป็นนักมวยปล้ำจาก WWE ที่ช่วงนึงได้ออกมาจากค่ายเพื่อมาพิสูจน์ตัวเอง จนได้กลับมาที่ WWE อีกครั้งเป็นเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม โดยกลับมาครั้งนี้เขามีเป้าหมายในการคว้าแชมป์โลกที่พ่อของเขาไม่สามารถทำได้และเขาจะเป็นคนในตระกูลที่จะทำให้ได้ ซึ่งตัว Cody Rhodes เองก็ล้มลุกคลุกคลานหนักเอาเรื่องต้องเจออุปสรรคกว่าจะได้ชิงเข็มขัด เคยได้โอกาสชิงแชมป์โลกครั้งนึงใน ศึกใหญ่ของค่ายอย่าง Wrestlemania 39 แต่ก็พลาดไป แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และจะทำให้ได้จนได้มีโอกาสได้ชิงแชมป์โลกอีกครั้ง ซึ่งรอบนี้เขาทำสำเร็จและก็คว้าแชมป์โลกไปได้ท่ามกลางศึกใหญ่อย่าง Wrestlemania 40 เป็น Moment ยิ่งใหญ่ที่สุดในปีนั้นเลย ซึ่งมันทำให้ผู้เขียนมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อเห็น Cody Rhodes ได้ทำสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้คนหลายคนได้มากเลยจ้า มีความหวังและก้าวเดินต่อไปจ้า สักวันจังหวะของทุกคนก็คงมาในสักวันนึง หนังสือเล่มนี้แถมที่คั่นหนังสือด้วยเน้อ ถือว่าดีมากๆ เลยจ้า เป็นยังไงกันบ้างกับรีวิวหนังสือเล่มนี้ ต้องบอกเลยว่าเปลี่ยนมุมมองผู้เขียนเลย ชอบมากๆ ให้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิตที่มันต้องใช้เวลากว่าจะงดงาม ถ้าเร่งรีบมันจะผิดธรรมชาติ ผู้เขียนจากที่กดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้ กลายเป็นว่าอ่านหนังสือทำให้ผู้เขียนเปลี่ยนความคิดไปเลย เป็นค่อยๆ เติบโตจะดีกว่า ผู้เขียนเองก็มีความฝันอยากจะได้รับรางวัลยืนบนเวทีระดับโลก ต้องบอกว่าตอนนี้มันไกลห่างจากผู้เขียนจริงๆ แต่ถึงจะฝันไม่เป็นจริงแต่ได้ใช้ชีวิตมีความสุขในทุกๆ วัน อย่างล่าสุดผู้เขียนไปต่างจังหวัด รู้สึกได้ปล่อยจอย เงียบสงบดี ไม่ต้องคิดอะไร ได้ทานอาหารบ้านๆ ฝีมือคุณยาย นับว่า feel so good แล้ว ถ้าเกิดฝันนั้นเป็นอะไรที่จับต้องได้โดยที่ไม่ต้องตรงกับที่คิดก็ได้แค่นั้นก็พอใจแล้ว ความสุขมีรอบตัวเสมอ ระหว่างทาง แม้คนที่ผู้เขียนรู้จักจะไปเส้นทางที่ฝัน เส้นทางที่ตรงใจ มีความสุข มีแฟน แต่งงาน มีครอบครัว แต่ว่านั้นคงเป็นจังหวะของพวกเขา ผู้เขียนเรียกว่าใช้ชีวิตตามใจตัวเองดีกว่า จะเจออะไรที่ไม่คาดฝันก็คงเป็นจังหวะจริงๆ ยังไงขอให้ทุกๆ คนเดินทางบนเส้นทางของตัวเองโดยที่เก็บรักระหว่างทางไว้ด้วยเน้อ บทความนี้เรียกว่าจัดเต็มอยู่เหมือนกัน ผู้เขียนถึงขั้นต้องไปอ่านอีกรอบและก็ไฮไลต์ส่วนที่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นส่วนสำคัญในการรีวิวแต่ทั้งเล่มก็ถือว่าสำคัญสุดๆ อ่านเพิ่มเติมลองไปหาซื้อกันได้ ติชมตรงไหนบอกได้เน้อ สำหรับบทความนี้ ขอบคุณจ้า ภาพปกทำโดย Canva ถ่ายจากหนังสือผู้เขียนเองจ้า ภาพประกอบ ภาพประกอบ 1 ถ่ายโดย Benjamin Disinger จาก Unsplash ภาพประกอบ 2 ถ่ายโดย Andre Hunter จาก Unsplash ภาพประกอบ 3 ถ่ายโดย Stephanie Ecate จาก Unsplash ภาพประกอบ 4 ถ่ายโดย Rezli จาก Unsplash ภาพประกอบ 5 ถ่ายโดย Alesia Kazantceva จาก Unsplash ภาพประกอบ 6 ถ่ายโดย John Silliman จาก Unsplash ภาพประกอบ 7 ถ่ายโดย Anton Malanin จาก Unsplash ภาพประกอบ 8 ถ่ายโดย Alex Alvarez จาก Unsplash ภาพหนังสือผู้เขียนถ่ายเองจ้า ช่องทางการติดตามของผู้เขียน Facebook: AmmarinJ Twitter (X): @AmmarinJ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !