เสน่ห์อีกอย่างของภาษาไทยคือระดับเสียงที่สูงต่ำคล้ายเสียงโน้ตเพลง เนื่องจากเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์และสัทวิเศษณ์ทำให้การอ่านภาษาไทยมีหลายรูปแบบ ทั้งอ่านเชิงเล่าเรื่อง(อ่านทั่วไป) อ่านในพิธีการ อ่านคำประพันธ์แบบทำนองเสนาะ เป็นต้นภาพจากpixabay.comการอ่านทำนองเสนาะนั้นถือเป็นการอ่านที่ต้องใช้ทักษะชั้นสูง เพราะมีเรื่องทำนองและขนบการอ่านเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้เขียนเองชื่นชอบ หลงใหลในการอ่านทำนองเสนาะ จึงได้นำกลเม็ดเคล็ดลับในการอ่านให้ไพเราะมาฝากทุกท่าน ซึ่ง 4 เทคนิคต่อไปนี้จะทำให้การอ่านทำนองเสนาะเป็นเรื่องง่าย และมีความเสนะมากขึ้นภาพจากpixabay.com1. อ่านเก็บคำการอ่านเก็บคำหมายถึงอ่านอย่างถูกต้องไม่ตกหล่นหรือต่อเติมคำและชัดเจนตามอักขรวิธี ออกเสียงควบกล้ำ เสียง ร.เรือ ล.ลิงอย่างชัดเจนเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ฟังแล้วสามารถจับใจความได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการให้เกียรติกับเจ้าของบทประพันธ์อีกด้วย2. อ่านเก็บความแม้ว่าจะอ่านอย่างถูกต้องตามหลักอักขรวิธีทุกอย่างแล้ว หากผู้อ่านไม่รู้จักการอ่านแบบเก็บความก็จะสูญเสียอรรถรสของคำประพันธ์ไปอย่างน่าเสียดาย การอ่านเก็บความนี้หมายถึงการสื่ออารมณ์คำประพันธ์ของผู้อ่าน ข้อนี้ผู้อ่านทำนองเสนาะจำเป็นอย่างอย่างยิ่งที่ต้องรู้และเข้าใจว่าเรื่องที่จะอ่านนั้นเกี่ยวกับอะไร ผู้ประพันธ์ต้องการให้สื่ออารมณ์อย่างไร หากเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วจะทำให้การอ่านทำนองเสนาะมีความไพเราะมากยิ่งขึ้นภาพจากpixabay.com3. กาละและเทศะในการอ่านเมื่อรู้จักการอ่านแบบเก็บความแล้ว อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการเลือกทำนองที่จะนำมาใช้อ่าน โดยเฉพาะกับคำประพันธ์ประเภทกลอนและกาพย์ที่มีทำนองอ่านที่หลากหลาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงกาละหรือกาลเวลาสถานการณ์ที่จะอ่านนั้นด้วย เช่น ในงานศพไม่ควรอ่านกลอนไว้อาลัยผู้วายชนม์ด้วยทำนองเตาะแตะ งานแต่งงานไม่ควรอ่านกลอนแสดงความยินดีด้วยทำนองสังขารา เป็นต้น และเทศะหรือสถานที่ที่ใช้อ่าน หากเป็นศาสนสถานไม่ควรใช้ทำนองการอ่านที่ไม่สำรวม ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจของผู้อ่านนั่นเอง4. เข้าใจธรรมชาติของฉันทลักษณ์คำประพันธ์โดยธรรมชาติของคำประพันธ์นั้นจะถูกบ่งใช้โดยฉันทลักษณ์อยู่แล้ว โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากคำประพันธ์ประเภทฉันท์ ซึ่งธรรมชาติของคำประพันธ์เหล่านี้มาจากการกำหนดครุ-ลหุ ซึ่งจะนับ 3 พยางค์เป็นหนึ่งคณะ คณะจะเป็นตัวกำหนดว่าฉันท์ประเภทนี้ให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์หรือความรู้สึกใด เช่น สัททูลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ เป็นฉันท์ที่ใช้เป็นบทสดุดีหรือไหว้ครู , มาณวกฉันท์ ๘ เป็นฉันท์ที่ใช้ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีทำนองอ่านที่สนุกสนาน เป็นต้น ธรรมชาติของฉันทลักษณ์คำประพันธ์เป็นสิ่งที่ผู้อ่านต้องมีความรู้ความเข้าใจ เพื่อให้การอ่านเป็นไปอย่างราบรื่นไพเราะภาพจากpixabay.comอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านทำนองเสนาะควรทำคือ ทุกครั้งที่อ่านบทประพันธ์นั้น ๆ จนจบแล้ว อย่าลืมอ่านชื่อผู้ประพันธ์ด้วยนะคะ เพื่อเป็นการให้เกียรติและไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ผู้อ่านคำประพันธ์ไทยนั้นหากสามารถทำตามเทคนิคข้อ 1 และ 2 ได้ ถือว่าอ่านเป็น อ่านถูกต้อง แต่หากสามารถทำตามได้ครบทั้ง 4 ข้อแล้วถือว่าคุณอ่านทำนองเสนาะได้เสนาะแล้วภาพปกจากpixabay.com