กองทุนรวมหุ้น หรือ กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) เป็นประเภทสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุด เมื่อเทียบจากสถิติในอดีต และเป็นกองทุนรวมระดับความเสี่ยงสูง ถูกจัดให้อยู่ระดับความเสี่ยงที่ 6 ดังนั้นเวลาที่เราจะเลือกลงทุนในกองทุนใด จึงต้องศึกษาให้ลึกและใช้วิธีเลือกให้ดีค่ะ เพราะความรู้ที่เรามีจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก และวันนี้เราจะมาเล่าถึงกองทุนหุ้นที่เป็นประเภท Index Fund กันค่ะภาพถ่ายโดย 3844328 กองทุนดัชนีหรือ Index Fund เป็นกองทุนประเภท Passive ที่เน้นลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเทียบเท่าตลาด ซึ่งต่างจากกองทุนแบบ Active ที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ชนะตลาด ซึ่งในระยะยาวกองทุนพวกนี้ส่วนมากจะแพ้ตลาดเสียมากกว่า มีไม่กี่กองที่ฝีมือดีจริง ๆ จนสามารถเอาชนะตลาดได้ โดยจากสถิติของปี 51-56 มีกองทุนหุ้น 36 กอง จาก 170 กองที่เอาชนะดัชนีของตลาดหลักทรพย์ได้ ส่วนข้อดีของ Passive Fund คือค่าธรรมเนียมถูก และหลายกองก็มีผลตอบแทนที่ดีและน่าพอใจค่ะ วันนี้ผู้เขียนจะนำ 3 วิธีที่ใช้ในการเลือกกองทุนหุ้นประเภทนี้มาแบ่งปันกันค่ะ1.เลือกจากดัชนีอ้างอิงก่อน ในประเทศไทยจะมีดัชนีอ้างอิง หลัก ๆ ดังนี้ค่ะ เลียนแบบดัชนี SET Index คือเลียนแบบดัชนีทั้งตลาด เลียนแบบดัชนี SET50 คือการเลียนแบบดัชนีหุ้น 50 ตัวแรกที่ใหญ่ที่สุดในตลาด มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้จริงเลียนแบบดัชนี SET100อันนี้จะคล้ายกับ SET 50 เลยค่ะ เพียงแต่เพิ่มหุ้นเข้าไปอีก 50 ตัว ก็คือเลียนแบบดัชนีหุ้นใหญ่ 100 ตัวแรกในตลาดนั่นเองค่ะเลียนแบบดัชนี SET HD ก็คือดัชนีที่พยายามไปหาหุ้นที่มีปันผลอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เน้นที่ปันผลสูง แต่เน้นที่ความต่อเนื่องเป็นหลักค่ะใครชอบแบบไหนก็สามารถเลือกลงทุนในแบบของตัวเองได้เลยค่ะ ส่วนตัวผู้เขียนเองเลือก SET50 เพราะมีกองทุนให้เลือกเยอะ เปรียบเทียบได้ง่าย และมีผลตอบแทนที่คาดหวังได้ตรงตามที่ผู้เขียนคาดหวังไว้ค่ะภาพถ่ายโดย klimkin 2.ดู Tracking Error (TE) คือการดูมาตรวัดความเก่งของกองทุน Index ว่าสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ดีขนาดไหน มีการเบี่ยงเบนหรือผิดเพี้ยนไปจากดัชนีมากน้อยเพียงใด กองทุนรวมที่มีค่า TE ต่ำ แสดงว่าเลียนแบบใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงได้มากค่ะ แม้ว่าการเบี่ยงเบนของค่า TE จะเพี้ยนเป็นไปในทางที่ดี หรือชนะตลาด แต่เราก็ไม่อาจชมว่ากองทุนนั้นเก่งได้ค่ะ เพราะถือเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ไม่ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเลียนแบบตลาด ซึ่งถ้าวันนี้กองทุนสร้างผลตอบแทนเพี้ยนไปทางที่ดีได้ ในวันข้างหน้ากองทุนนี้ก็สามารถสร้างผลตอบแทนไปในทางที่แย่กว่าดัชนีได้ค่ะดังนั้นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกกองทุนหุ้นที่ดีก็ควรเลือกกองที่มีค่า Tracking Error ต่ำนั่นเองค่ะ3.ค่าธรรมเนียม/ค่าใช้จ่ายการลงทุนในระยะยาวค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงค่าธรรมเนียมในกองทุน จะมีผลกระทบต่อผลตอบแทนที่เราจะได้รับ ยิ่งถือนาน มูลค่าการลงทุนสูง ยิ่งส่งผลกระทบมาก ดังนั้นอีกปัจจัยที่สำคัญคือการเลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำนั่นเองค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ รวมถึงผลตอบแทนย้อนหลังเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจด้วยนะคะ เน้นผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจะเป็นการดีค่ะ ภาพถ่ายโดย PublicDomainPictures