สวัสดีครับทุกคน วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วคือวันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ลูก ๆ มักจะให้ความสำคัญกับคุณแม่มากกว่าวันปกติ รวมไปถึงน้อง ๆ นักเรียนที่ได้รับมอบหมายให้เขียนเรียงความวันแม่แห่งชาติ สำหรับใครที่เขียนไม่เป็น ยังไม่มีไอเดียในการเขียน หรืออาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่า 3 ย่อหน้า คํานํา เนื้อเรื่อง สรุป ทำได้อย่างไร วันนี้ผมตัวอย่างในการเขียนเรียงความแบบสั้น ๆ มาฝากกัน สำหรับใครที่คิดไอเดียไม่ออก ลองนำไปใช้เป็นแนวทางในการเขียนของทุกคนได้ครับ รวมไอเดียเขียนเรียงความวันแม่ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบดังนี้ ส่วนที่หนึ่งประกอบด้วยคำนำเป็นประโยคที่เราจะสื่อสารขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า "แม่" เป็นส่วนใหญ่ แม่คือผู้มีพระคุณ แม่คือผู้ให้ แม่เป็นทุกอย่างในชีวิต แม่มีความสำคัญกับเราอย่างไร เป็นต้น ประโยคเหล่านี้จะช่วยขยายในส่วนของคำนำได้มากขึ้น ทำให้เวลาเขียนไม่สะดุด ประหยัดความคิดที่ไม่จำเป็นออกไป เราจะโฟกัสกับประโยคได้มากขึ้น ถ้าขึ้นต้นได้ดีมีชัยไปกว่าครึ่งทางแล้ว ส่วนที่สองประกอบด้วยเนื้อเรื่อง ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเขียนไปทางทิศทางไหน เป็นส่วนที่ต้องอธิบายมากกว่าปกติ เช่น แม่เลี้ยงเราอย่างไร เราใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่เรียกว่าคุณยาย เราไม่มีแม่แต่ก็มีผู้ใจดีช่วยเหลือเราเติบโตมาอย่างดี เวลาเจ็บไข้เราผ่านมาอย่างไร กิจกรรมที่เราทำกับแม่บ่อย ๆ เป็นต้น ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้เราเขียนเนื้อเรื่องได้ เริ่มจากตั้งแต่ต้นตนจบเรื่อง สามารถนำหัวข้อมาเสริมกันได้หมด หรือจะเลือกหัวข้อเดียวก็ได้ เมื่อเราวางโครงเรื่องเสร็จแล้ว ที่เหลือก็ระบายอารมณ์ ความคิดในช่วงเวลาที่น่าจำจดผ่านตัวอักษร ทำให้เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ สุดซึ้ง และเป็นตัวเอง ส่วนที่สามกับบทสรุป ในส่วนสุดท้าย เป็นรวบทุกอย่างมาไว้ในบทนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจบให้ได้ หลายครั้งเราอาจจะหาทางจบไม่เจอ แต่ประโยคเหล่านี้พอจะช่วยได้ เช่น เหตุการณ์หลังจากแม่เลี้ยงเราผ่านไปหลายปี เราได้อะไรบ้างเวลาแม่สอนทำสิ่งต่าง ๆ ช่วงเวลาที่ไม่เข้าใจกับแม่ แก้ไขปรับความเข้าใจยังไง บทบาทของแม่กับเราในอดีตกับปัจจุบัน เป็นต้น เมื่อมีที่มาที่ไป เราจะสามารถจบเรียงความได้ ฉะนั้นแล้วเวลาจบท้าย จะจบแบบไหนก็ได้ เรื่องราวร้อยคนมักจะจบไม่เหมือนกัน เหมือนที่เราจบในแบบเวอร์ชั่นของตัวเอง ทั้งหมดนี้คือไอเดียเอาไว้เขียนเรียงความวันแม่ในเบื้องต้น ส่วนภาษาที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของบุคคล พยายามเอา 3 ส่วนนี้ มาเชื่อมต่อเป็นเรื่องเดียวกัน มีเหตุมีผลรองรับ อย่าลืมวางโครสร้างก่อนเขียน (คำนำ+เนื้อเรื่อง+สรุป) จะช่วยให้เราไม่ออกทะเล ลองนำไปใช้ดู เผื่อว่าเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ (แบบสั้น)เรื่องคำสอนของแม่ โดย JPooh คำว่าแม่ เป็นคำพูดที่ติดปากของผมมาตั้งแต่เด็ก เมื่อมีความอยากได้ก็ต้องเรียกหาแม่ หลังจากลองคิดทบทวนย้อนเวลากลับไป แม่ต้องอดทนยอมใจแค่ไหน ทำให้ในสิ่งที่ผมอยากได้และไม่อยากได้ เท่าที่จำได้แม่ตามใจจนเคยตัว วันเวลาผ่านไปเข้าสู่ช่วงวันเรียนประถมศึกษา เป็นครั้งแรกที่ทำให้รู้ว่าไม่สามารถเรียกหาแม่ได้เวลาต้องการ ในวันที่ไปโรงเรียนจะต้องตื่นเช้าอาบน้ำแปรงฟันล้างหน้า ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เก็บหนังสือใส่กระเป๋า เดินไปรับค่าขนมพร้อมยกมือไหว้ก่อนที่แม่จะพูดว่าให้พ่อไปส่งที่หน้าโรงเรียน จากเด็กที่ติดแม่ในวัน กลายเป็นคนที่ค่อย ๆ เริ่มเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง เช่น ตั้งใจเรียนหนังสือ ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือเรียนมาก ๆ ชอบเข้าห้องสมุด ชอบยืมหนังสือกลับบ้านมาอ่าน เวลากลับจากโรงเรียนจะมีความสุขมาก ถ้าวันนั้นได้เจอแม่อยู่บ้าน ตอนเป็นเด็กแม่มักจะชอบให้ทำงานบางอย่างช่วย ทำได้ไม่ได้ไม่เป็นไร เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้งานฝีมือจากแม่ ยามว่างแม่จะชอบนั่งถักไหมพรม ด้วยความเป็นคนที่ขี้สงสัย เข็มอันนี้เอาไว้ทำอะไร ทำไมไหมพรมถึงมีหลายสี แน่นอนว่าผมทำตามไม่ได้ แต่เวลาได้เห็นแม่อยู่กับสิ่งที่ชอบ ผมเองก็สนุกสนานไปด้วย ถ้าหากวันไหนเลิกโรงเรียนมาแล้ว แม่ไม่อยู่บ้าน ผมจะนั่งทำการบ้านให้เสร็จ แม่บอกว่าหน้าที่ของลูกคือเรียน ถ้ามีการบ้านก็ต้องทำแบบฝึกหัดให้เรียบร้อย ค่อยจะไปเล่นกับเพื่อนได้ มีหลายครั้งที่ทำได้ และมีหลายครั้งที่ไม่ได้ทำ เวลาแม่ดุเป็นช่วงเวลาที่มีแต่สีเทาเมื่อแม่ไม่ยิ้มทำให้รู้สึกใจไม่ดี ได้แต่ทำหน้างอ สำนึกผิดกับสิ่งที่กระทำแล้วรอช่วงเวลาที่เป็นสีขาว แม่ก็กลับมาพูดดี ด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ อบอุ่น ปลอบโยน ให้มอบคำสอนคติเตือนใจ และให้กำลังใจทุกครั้ง ทำให้ตัวผมเข้าใจในสถานการณ์ตัวเองมากขึ้น คำว่ารับผิดชอบในมุมมองของผมน้อยมาก ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับความรับผิดชอบแม่ ที่ค่อยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยเรียน ในช่วงมัธยมเป็นช่วงเวลาที่ได้ไปเรียนสถานที่แห่งใหม่ ได้รู้จักคนมากขึ้น คำพูดของแม่ก็จะค่อยเตือนทุกครั้ง เวลาจะทำอะไรหรือคิดไม่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ตั้งใจเรียนจนภูมิใจกับเกรดเฉลี่ยอันดับสองของห้อง ได้ไปแข่งขันทักษะวิชาการ เป็นคนที่มีความคิดโตขึ้นกว่าเดิม มีเพื่อนที่น่ารัก มีงานอดิเรกทำ มีกีฬาที่ชอบดูชอบเล่น ทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่มีคำว่ารอก่อนค่อยทำ ถ้าไม่ได้ข้อคิดจากแม่ ผมก็คงจะเป็นกระทงหลงทางไหลไปตามน้ำเรื่อย ๆ แต่ผมโชคดีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้อยู่รอดในสังคมได้ เพราะว่าคำสอนของแม่ “รัก…แม่…นะครับ” P.S. ภาษาที่ใช้เป็นคำสบาย เล่าจากประสบการณ์ของตัวเองในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต หน้าปก+ภาพประกอบทั้งหมด: By JPooh/Canva อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !