สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวนักอ่านที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนมาเยี่ยมชมบ้านเกิดของตัวผู้เขียนเอง ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำก่อนว่า ตัวเราเป็นคนในพื้นที่ ตำบลบุพรามหณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ที่บ้านยึดอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ทำมานานกว่า 30 ปี แล้ว เพราะพ่อแม่ทำอาชีพเกษตรกรนี่แหละ ที่ส่งเราเรียนจนจบปริญญาตรี และมีงานทำมาจนถึงทุกวันนี้ เราภูมิใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีความฝันว่าหลังจากเกษียณจะกลับมาใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร สานต่อสิ่งที่พ่อกับแม่สร้างไว้ซึ่งวันนี้ ทางเราก็อยากจะนำเสนอวิถีเกษตร บนพื้นที่ 3 ไร่ 1 งาน และต้องบอกก่อนเลยว่า พ่อกับแม่เราจบแค่ ป.4 แต่ท่านทั้งสองมีความคิดที่ชาญฉลาดมากๆ พ่อกับแม่เรามองการณ์ไกล โดยใช้ทฤษฎีเกษตรพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ด้วยการปลูกพืชผสมผสานหมุนเวียนตลอดทั้งปี จนทำให้มีรายได้แทบทุกวัน และสามารถมีอยู่มีกินมาได้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยการจัดสรรที่ดิน 3 ไร่ 1 งาน ในรูปแบบดังต่อไปนี้1 ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัวภาพโดย ผู้เขียนเราแบ่งพื้นที่ 1 ไร่ ไว้สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว เช่น ผักกาด ผักกวางตุ้ง ข่า ตะไคร้ ใบแมงลัก ถั่วฝักยาว ต้นหอม ผักชี มะเขือ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนหนึ่งที่เหลือจากการนำมาประกอบเป็นอาหาร เราก็จะนำไปขายที่ตลาดนัดในชุมชนใกล้บ้าน พ่อกับแม่ยังบอกอีกว่ามีความสุขทุกครั้งที่ได้กิน ได้ขาย ทั้งแจกทั้งแถมแบบไม่กลัวที่จะขาดทุน เพราะเราปลูกเอง สิ่งสำคัญเลยคือ บ้านเราปลูกผักปลอดสารพิษ โดยไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช่เพราะว่าดินบ้านเรามีความอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นเพราะว่าเราคำนึงถึงความปลอดภัย และใส่ใจสุขภาพของทุกคนที่มาอุดหนุนสินค้าของเรา2 งาน (200 ตารางวา) ปลูกข้าวโพดภาพโดย ผู้เขียนข้าวโพดข้าวเหนียว สีขาว ฝักใหญ่รสชาติหวานมันอร่อย เป็นสินค้าที่ขายดีมากๆ โดยระยะเวลาเก็บเกี่ยวประมาณ 3 เดือน แม่เราจะนำมาต้มจนสุก โรยเกลือเพิ่มความเค็มนิดๆ และนำออกไปขายตลาดนัด 3-4 ฝัก 20 บาท สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่รอการเก็บเกี่ยวข้าวโพดนั้น ก็จะเก็บพืชผักสวนครัวอื่นๆ ออกไปขายเพื่อไม่ให้ขาดรายได้ โดยจะหมุนเวียนทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่บอกว่าถึงจะเหนื่อย แต่ก็มีความสุข2 งาน (200 ตารางวา) ปลูกถั่วลิสง หรือถั่วดินภาพโดย ผู้เขียนล่าสุดพ่อกับแม่ พึ่งจะหันมาทดลองปลูกถั่วลิสงหรือถั่วดิน เพราะเป็นพืชที่ตลาดกำลังต้องการในขณะนี้ อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 95-105 วัน เราทำเพียงแค่ 2 งาน หรือ 200 ตารางวา เท่านั้น เพราะถ้าทำมากไปกว่านี้ก็จะดูแลยาก เนื่องจากบ้านเราทำกันเอง ไม่ได้ไปจ้างใครมาช่วย ดังนั้น เราต้องรู้จักทำอะไรแต่พอดีพองาม เอาตามกำลังที่เราทำไหว2 งาน (200 ตารางวา) ปลูกกล้วยภาพโดย ผู้เขียนเราปลูกกล้วยหลายชนิด หลายสายพันธ์ุ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ถ้าราคาชนิดหนึ่งตก กล้วยสายพันธุ์อื่นๆ ก็จะพยุงรายได้ให้แก่เรา โดยเราปลูกทั้งกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม เป็นต้น โดยปกติกล้วยจะใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวประมาณ 250-260 วัน แต่ถ้าดูแลรักษาดี น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว2 งาน (200 ตารางวา) ปลูกหน่อไม้ ไผ่ตรงภาพโดย ผู้เขียนสาเหตุที่เราเลือกปลูกหน่อไม้ ไผ่ตรง ก็เพราะเป็นหน่อไม้นอกฤดูกาล หากดูแลดี ได้น้ำ ไส่ปุ๋ยมูลไก่ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะทำให้ได้ผลผลิตดีตลอดทั้งปี แถมยังได้ราคาสูงอีกด้วย โดยราคาจะอยู่ที่ 40-80บาท/กิโลกรัม ไฝ่ 1 กอ ให้ผลผลิตเฉลี่ย 10-20 กิโลกรัม และตอนนี้พ่อกับแม่ ก็กำลังวางแผนที่จะขยับขยาย โดยการปลูกให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะไผ่ตรงค่อนข้างดูแลง่าย และเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ครัวเรือนด้วย1 งาน (100 ตารางวา) ปลูกเผือกภาพโดย ผู้เขียนเผือก มีอายุเก็บเกี่ยว 5-7 เดือน โดยเป็นพืชที่มีหัวใต้ผิวดิน คล้ายกับมันสำปะหลัง มันเทศ และแห้ว แต่ด้วยความที่เผือกจะมีกลิ่นหอม รสชาติหวานมัน คนนิยมนำลำต้นมาแกง และหัวเผือกนำมาต้นกินหรือทำเป็นขนมหวานสารพัดอย่าง จึงทำให้เผือกเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกส่วน แถมยังเป็นแหล่งรวบรวมคาร์โบไฮเดรตและวิตามินชั้นดีอีกต่างหาก ส่วนใหญ่พ่อกับแม่เราจะนำไปขายในตลาดนัด แม้จะปลูกบนที่ดินเพียง 1 งาน แต่ก็สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง พอได้มีเงินจับจ่ายใช้สอยอย่างไม่ขาดมือ ตกเย็นมานั่งดูพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ลมพัดเย็นสบายภาพโดย ผู้เขียนความจริงแล้ว คำว่าเกษตรพอเพียง หรือเกษตรผสมผสาน ไม่จำเป็นจะต้องมีที่ดิน 3 ไร่ 1 งาน ตามที่เราได้นำเสนอ แต่มันคือการใช้ที่ดินที่เรามีอยู่จำกัด นำมาประยุกต์ และผสมสผาน จนทำให้สามารถมีผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่เกษตรกร ก็คืออาชีพที่บ้านเราภูมิใจ พ่อกับแม่บอกฉันเสมอว่า ถ้าเราทำงานให้คนอื่น เราจะท้อและถอย แต่ถ้างานนั้น มันคือ งานของเรา... ในวันที่เราล้ม เราก็แค่ท้อ แต่เราจะไม่มีวันถอยเด็ดขาด ภาพปก ภาพโดย ผู้เขียน