ลงทุนหุ้น "STA" วิกฤต หรือ โอกาส?

#ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย สแกน หุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA คาดกำไรปกติไตรมาส 4/2565 อ่อนแอ ที่ 245 ลบ. ลดลง 85.9% YoY และ 72.1% QoQ จากธุรกิจถุงมือยางและยางธรรมชาติที่อ่อนแอ แนวโน้มกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 1/2566 จากธุรกิจถุงมืออาจถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/2565 ในขณะที่การกลับมาเปิดประเทศของจีนอาจช่วยเพิ่มอุปสงค์ยางและ ASP คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2566 จาก 22 บาทเป็น 25 บาท เพื่อสะท้อนถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจถุงมือและการปรับการประเมินมูลค่า
STA ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2565 ที่ 245 ลบ. ลดลง 85.9% YoY และ 72.1% QoQ ทั้งนี้ กำไรจะลดลง YoY คาดมาจากการหดตัวลงอย่างมากของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขณะที่การลดลง QoQ คาดมาจากการลดลงของรายได้และ GPM โดยประเมินกำไรปี 2565 จะอยู่ที่ 3.5 พันลบ. ลดลง 79.7% จากปีก่อน
ธุรกิจยางธรรมชาติ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรจะลดลง 59% YoY และ 57% QoQ เป็น 324 ลบ. โดยรายได้จะลดลง YoY และ QoQ จากปัจจัยทางฤดูกาลที่ส่งผลให้ปริมาณการขายลดลงและการขาดแคลนวัตถุดิบของโรงงานในอินโดนีเซีย (คิดเป็ น 10-15% ของปริมาณการขายของ STA) และการลดลงของ ASP อย่างรวดเร็วเป็นประมาณ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน จากอุปทานที่สูงขึ้นจากประเทศไทยและอุปสงค์จากจีนที่อ่อนแออันเป็นผลมาจากการล็อคดาวน์ ฝ่ายวิจัยคาดว่า GPM จะลดลงอย่างมากจาก 13.7% ในไตรมาสที่แล้วเป็น 11.5% ในไตรมาส 4/2565
ธุรกิจถุงมือยาง ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าธุรกิจถุงมือจะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/2565 จากปริมาณการขายที่อ่อนแอและการลดลงอย่างต่อเนื่องของ ASP เป็น 18.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ/1,000 ชิ้น GPM น่าจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เป็น 8.7% คาดว่าจะยังคงมีภาวะอุปทานล้นตลาดจากการขยายตัวของผู้ผลิตถุงยางรายใหญ่ก่อนหน้านี้และสินค้าคงคลังที่สูง ซึ่งเป็นผลมาจากการซื้อตุนในปี 2564-2565
**แนวโน้ม Q1/66 กำไรฟื้น
ทั้งนี้ คาดกำไรฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/2566 ทั้งธุรกิจถุงมือและยางธรรมชาติจะฟื้นตัว และมีความเป็นไปได้ที่กำไรของธุรกิจถุงมืออาจถึงจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 4/2565 และดีขึ้นในไตรมาส 1/2566 จากปริมาณการขายที่สูงขึ้นและการลดลงของ ASP ในอัตราที่ช้าลงท่ามกลางต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ในขณะเดียวกัน คาดว่ากำไรจากธุรกิจยางธรรมชาติจะปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้นจากทั้งผู้ผลิตยางรถยนต์ทั้งในจีนและนอกประเทศจีน ซึ่งได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่งขึ้น และการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งของจีน
มุมมองเชิงบวกในระยะยาว ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าการขาดแคลนอุปทานในประเทศอินโดนีเซีย จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตยางของไทยทั้งในด้านปริมาณและการกำหนดราคาแบบพรีเมี่ยม นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้อาจลดลงเนื่องจากอัตราค่าระวางเรือที่ลดลง (ปัจจุบันอยู่ที่ 35% ของ SG&A)
**อัพกำไร-เป้าหมาย
ปรับเพิ่มประมาณการปี 2566/2567 ขึ้น 26%/10% เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มธุรกิจถุงมือที่ดีขึ้น ปรับเพิ่มประมาณการปริมาณการขายถุงมือขึ้น 16% ในแต่ละปีเพื่อสะท้อนถึงปริมาณการขายที่คาดว่าจะสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับ ASP ของถุงมือที่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะลดลงในอัตราที่ช้าลงมาก ปรับเพิ่มสมมติฐาน ASP ของยางธรรมชาติประมาณ 10% จากแนวโน้มที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมยางหลังจากที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งและยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่แข็งแกร่ง
แนะนำ “ซื้อ” เพิ่มราคาเป้าหมายจาก 22 บาท เป็น 25 บาท เพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไร ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยอิงวิธีรวมส่วนของกิจการ (SOTP) โดยใชร้าคาเป้าหมายของ STGT ที่ 10.50 บาท และเป้าหมาย PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 7 เท่า สำหรับธุรกจิยางธรรมชาติ (เพิ่มขึ้นจาก 6 เท่าก่อนหน้านี้) ตรึงไว้ที่ -0.75SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปีของ SETAGRI