อยากลงทุนในตลาดหุ้น ควรอ่านหนังสือเล่มไหนก่อนดี เล่มนี้คือหนังสือที่จะแนะนำให้คนได้เริ่มศึกษาการลงทุนในหุ้นควรอ่านเป็นเล่มแรก นี่เป็นคำแนะนำของโค้ชหนุ่ม THE MONEY COACH ที่เคยบอกกับทีมงานของเขา ทำให้เกิดการนำหนังสือเล่มนี้มาแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Live Rich ผู้แต่ง คือ ฌอน เซีย นักลงทุนชาวสิงคโปร์ที่ต้องการเผยแพร่ความรู้การลงทุนแบบ Value Investing ให้กับบุคคลทั่วไป แปลโดย พงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย และ เมษ์ ยางประยงค์เนื้อหาภายในเล่มจะเป็นการพูดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ท้อใจในการลงทุนหุ้น เขาล้มเหลว เสียเงินไปกับการเก็งกำไรในตลาดมามาก และกำลังมองหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เขาได้พบกับชายชรานักตกปลาคนหนึ่ง ซึ่งชายชราคนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดที่แหลมคมในด้านการลงทุน จนกระทั่งทั้งสองได้พูดคุยถามตอบไปมา ผู้อ่านจะได้แนวคิดการลงทุนหุ้นจากคำสนทนาของพวกเขาว่าทำไมต้องคิดแบบนั้น จะมองหาหุ้นที่ลงทุนโดยมีกิจการที่แข็งแกร่งและเติบโตในระยะยาวได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ ทว่าคำตอบนั้นจะไม่ใช่ในแบบฮาวทู (How-to) แต่จะเป็นแบบนิยายมากกว่าหัวข้อภายในเล่มภาค 1 เหยื่อภาค 2 นักตกปลาภาค 3 ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ภาค 4 ราคาที่สมเหตุสมผลภาค 5 การนำไปใช้แนวคิดที่ได้ภายในเล่มพึงระวังความเชื่อที่คอยฉุดรั้งเราไว้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้มากมายบอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะตลาดหุ้นได้ แต่ก็ยังมีหลายคนที่เอาชนะตลาดได้สม่ำเสมอ เพราะเขาใช้วิธีที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล ไม่ว่าเราจะเลือกเชื่ออะไร มันก็หาหลักฐานมาพิสูจน์ความเชื่อเหล่านั้นได้เสมอ ดังนั้น จงเชื่ออย่างชาญฉลาด เลือกความเชื่อที่เพิ่มพลังให้ตัวเราดีกว่ากฎการลงทุนข้อที่ 1 จงอย่าขาดทุน กฎการลงทุนข้อที่ 2 จงอย่าลืมกฎข้อที่ 1 ถ้าขาดทุน 50,000 ดอลลาร์ ของเงิน 100,000 ดอลลาร์ เท่ากับขาดทุน 50% และถ้าอยากเอาทุนคืนกลับมาจากเงิน 50,000 ดอลลาร์ ถ้าจะให้มันโตกลับมาที่ 100,000 ดอลลาร์ ต้องทำผลตอบแทนให้ได้ 100% หรือเราต้องให้เงินทำงานหนักขึ้นเป็น 2 เท่าเพื่อให้ส่วนที่ขาดทุนนั้นกลับมาความเสี่ยงเกิดจากการละเลย ถ้าการไปปีนเขาโดยไม่เคยผ่านการเตรียมตัวเลย แน่นอนความเสี่ยงก็ย่อมสูง การลงทุนก็เช่นกันการลงทุนเป็นเรื่องเรียบง่าย สิ่งที่เราทำคือซื้อธุรกิจที่ดี ซื้อมันในราคาที่เหมาะสม และก็รอจนกว่าตลาดจะตระหนักคุณค่าของธุรกิจนั้นและราคาก็พุ่งขึ้นไปตามที่มันควรจะเป็น ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่หลักการลงทุนไม่เคยเปลี่ยน ซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม และทำซ้ำจนกว่าเราจะร่ำรวย อย่าดูถูกพลังของเงินทบต้น พลังของการทบต้นช่วยให้เงินลงทุนน้อยสร้างผลตอบแทนสูงได้อย่าสูญเสียชื่อเสียงและความซื่อสัตย์ไปแม้เพียงนิดเดียว เราสามารถเอาเงินที่ขาดทุนกลับมาได้เสมอ แต่ถ้าเราสูญเสียความน่าเชื่อถือแล้ว มันต้องใช้เวลาและความพยายามอีกนานมากกว่าที่เราจะได้รับกลับคืนมาอีก บางที่อาจจะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือกลับคืนมาอีกเลย หากเงินที่ขาดทุนนั้นเป็นเงินของคนอื่นที่เรารับการดูแลอยู่ จงเปิดเผยความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเงินของพวกเขาหุ้นคือธุรกิจ ลงทุนหุ้นเสมือนลงทุนในกิจการของบริษัทนั้นความเสี่ยงเกิดจากความไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไร วิธีคำนวณความมั่งคั่งสุทธิ หาได้จาก ทรัพย์สินทั้งหมดหักลบหนี้สินทั้งหมด เงินที่ยังเหลืออยู่ก็คือความมั่งคั่งสุทธิทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเราก็คือตัวเราเอง เพราะฉะนั้นจงดูแลตัวเอง และลงทุนในตัวเอง (หาความรู้) อย่างสม่ำเสมอธุรกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ดูได้ว่าลูกค้ามักจะกลับมาใช้บริการซ้ำแล้วซ้ำอีก เวลาเราวิเคราะห์ธุรกิจใดมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ให้ตัวเองดังต่อไปนี้1.ธุรกิจนั้นส่งมอบคุณค่าผ่านสินค้าและบริการใดให้กับลูกค้า2.มีคนอื่นส่งมอบคุณค่านั้นด้วยหรือไม่ถ้าไม่ แสดงว่าเราค้นพบธุรกิจที่ผูกขาดตลาดได้แล้ว แต่ถ้าใช่ เราก็ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบ3.เราจะเลือกรับคุณค่าจากที่อื่น แทนที่จะเป็นที่นี่หรือไม่ ยกตัวอย่าง ร้านสะดวกซื้อ 7 eleven เราไปใช้บริการแล้ว เราพอใจมาก บวกกับสาขาที่มีมากกว่า ทำให้เราไม่ใคร่อยากจะใช้บริการร้านสะดวกซื้อแบรนด์อื่นเท่าไหร่นัก เท่ากับว่าเราไม่อยากจะรับคุณค่าจากที่อื่น นอกเสียจากที่นี่4.ทำไมเราเลือกที่จะรับคุณค่านั้นจากที่นี่ แทนที่จะเป็นที่อื่น เช่นเดียวกับเหตุผลข้างต้นในข้อที่ 3 เช่น ร้านสะดวกซื้อดังกล่าวอยู่ใกล้บ้าน มีสาขาที่หลากหลาย ภายในร้านมีสินค้าให้เลือกครบครัน เป็นต้น5.เหตุผลที่ระบุในข้อที่ 4 เป็นสิ่งที่ยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่ เราสามารถดูได้จากตัวธุรกิจที่ว่าในชีวิตจริง รวมทั้งประสบการณ์ของเรา ซึ่งเราต้องอาศัยความได้เปรียบทางธุรกิจนั้นอย่างยั่งยืนทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเราก็คือตัวเราเอง เพราะฉะนั้นจงดูแลตัวเอง และลงทุนในตัวเอง (หาความรู้) อย่างสม่ำเสมอเราไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายๆบริษัทที่เราเข้าไปลงทุน เพียงแต่เราต้องสามารถประเมินบริษัทที่อยู่ในขอบเขตความเชี่ยวชาญ (Circle of Competence) ของเราได้กำไรของธุรกิจนี้จะมีความยั่งยืนในระยะยาวหรือไม่ เราสามารถทำได้ด้วยการวิเคราะห์ตามปัจจัย ดังนี้S Social Cultural สังคมวัฒนธรรมของลูกค้า ความต้องการของลูกค้านั้นยั่งยืนหรือไม่T Technology เทคโนโลยี จะคุกคามหรือส่งเสริมธุรกิจE Economic เศรษฐกิจP Political การเมือง รวมทั้งกฎหมายและข้อบังคับประเภทของความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน1.ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์2.การสร้างแบรนด์3.ต้นทุนต่ำ / ผู้ผลิตของในราคาถูก4.ต้นทุนการเปลี่ยนไปใช้ของคู่แข่งสูง5.กำแพงทางกฎหมายที่ป้องกันรายใหม่เข้ามา เวลาเรียนหนังสือ เรามักมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่งสอบที่ 1 และที่ 2 ของชั้นเรียนเสมอ จนเราสามารถเดาได้เลยว่าใครจะได้เกียรตินิยม การเลือกหุ้นลงทุนก็เหมือนกัน ผลงานที่ผ่านมามีกำไรสม่ำเสมอตลอด 10 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ มีกำไรแม้จะเป็นช่วงวิกฤติ นี่คือความสม่ำเสมอ ผลงานในอดีตคือสิ่งพิสูจน์ มันจะเป็นตัวบอกเราว่าการคาดการณ์ของเราเกี่ยวกับความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจนั้นถูกต้องหรือไม่เราจะไม่ซื้อหุ้น IPO ทำไม ? เพราะเราคือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า หุ้น IPO มักเสนอราคาโดยไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดในการกำหนดเวลา มีโอกาสน้อยมากที่นักลงทุนจะสามารถทำกำไรได้ ถ้าจะให้ดี รอจนกว่าหุ้นจะมีการซื้อขายในตลาดแล้วระยะหนึ่ง เมื่อตลาดกำหนดราคาผิดพลาด ถึงจะเข้าซื้อทำกำไร แต่ไม่ใช่ตอน IPO เพราะราคาที่ตั้งขึ้นมามันไม่มีเหตุผลกำไรต่อหุ้น จะบอกเราว่า หุ้น 1 หุ้น มีกำไรเท่าไร ถ้าอยากรู้ประสิทธิภาพธุรกิจให้ดูที่ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE : Return on Equity) เราต้องการธุรกิจที่มีค่าเฉลี่ย ROE มากกว่า 15% อย่างต่อเนื่อง ROE ยิ่งมาก ยิ่งดี เพราะมันแสดงถึงการเติบโตที่สูงกว่าและใช้เงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ROE หาได้จาก กำไรสุทธิหารด้วยจำนวนผู้ถือหุ้นทุกครั้งที่ธุรกิจทำกำไร มักนำกำไรมาใช้ 3 ด้าน คือ1.นำกำไรมาจ่ายปันผล2.เก็บกำไรไว้ ซึ่งทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น3.นำกลับไปลงทุนในธุรกิจ โดยขยายธุรกิจ หรือซื้อหุ้นกลับคืนมา เพื่อไม่ให้การตกแต่งทางบัญชีมาหลอกให้เชื่อว่าธุรกิจมีประสิทธิภาพ เราต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ต้องพิจารณาจาก ROA (Return on Assets) หรืออัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ หลักการง่ายๆคือ ROA ต้องมากกว่า 7% และถ้า ROE สูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ ROA ไม่ได้มีแนวโน้มเช่นนั้น อาจหมายความว่าธุรกิจไม่มีประสิทธิภาพ ROA หาได้จาก กำไรสุทธิหารด้วยสินทรัพย์รวม ROA ยิ่งมาก ยิ่งแสดงความสามารถในการทำกำไรและประสิทธิภาพของธุรกิจหนี้จำเป็นสำหรับการขยายตัวของธุรกิจ กฎง่ายๆ คือ ธุรกิจไม่ควรมีหนี้ระยะยาวเกิน 5 เท่าของกำไรจากการดำเนินงาน ถ้าใช้เวลามากกว่า 5 ปีชำระหนี้ก็แสดงว่าธุรกิจนี้ไม่ค่อยดีแล้วอัตราส่วนวัดความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) ใช้เมื่อวิเคราะห์ว่าบริษัทสามารถจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ได้ง่ายแค่ไหน หาได้จาก กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี หารด้วยค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ถ้าได้ค่าไม่ต่ำกว่า 3 หมายความว่า ธุรกิจสามารถนำกำไรมาจ่ายดอกใน 3 ปี ซึ่งเราต้องการแบบนี้ตรวจสอบกระแสเงินสด ป้องกันการตกแต่งบัญชีลวงตาเรา ดูที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและกระแสเงินสดอิสระต้องเป็นบวกเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจยังมีเงินสดเข้ามาหลังจากที่หักรายจ่ายลงทุนอื่นๆ ถ้าติดลบถือว่าธุรกิจเก็บเงินลูกค้าไม่ได้ จ่ายเงินลงทุนมากเกินไป หรือมีการทุจริตทางบัญชีอำนาจในการตั้งราคาของธุรกิจ ถ้าธุรกิจขึ้นราคาโดยไม่เสียลูกค้าให้คู่แข่งก็แสดงว่าเป็นธุรกิจที่ดีมากนี่คือบางส่วนของแนวคิดภายในเล่มเท่านั้น ยังมีรายละเอียดของกรณีศึกษา การยกตัวอย่าง และการอธิบายที่มาที่ไปอย่างละเอียด และเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นรากฐานของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ช่วยให้เราอยากรู้เรื่องของการลงทุนแบบนี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและต่อยอดไปยังหนังสือเล่มอื่นๆ จนกระทั่งเราประสบความสำเร็จในการลงทุน ทว่าหากใครไม่ชอบหนังสือที่เล่าเรื่องเหมือนนิยายก็อาจไม่ชอบไปเลยก็ได้ แต่ถ้าใครชอบ พร้อมกับแฝงสาระการลงทุนที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ก็นับว่าหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์ครับนั่งตกปลากับบัฟเฟตต์ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป เครดิตภาพภาพปก โดย Brady Rogers จาก Unsplash.comภาพที่ 1 2 และ 3 โดยผู้เขียนภาพที่ 4 โดย Federico Giampieri จาก Unsplash.comบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ เพาะหุ้นเป็นเห็นผลยั่งยืนรีวิวหนังสือ เริ่มต้นลงทุนหุ้นด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน ฉบับมือใหม่รีวิวหนังสือ Stock Market Cash Flow สร้างกระแสเงินสดจากตลาดหุ้นรีวิวหนังสือ เล่นหุ้นออนไลน์ไม่ยากรีวิวหนังสือ กุญแจอ่านงบการเงินเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !