น่าเบื่อชะมัด! หาวิจัยที่เกี่ยวข้องก็ย๊ากยาก แถมต้องมานั่งพิมพ์บรรณานุกรมอีกแสนแปด ในชีวิตมหาวิทยาลัยของเราๆ คงหนีไม่พ้นการทำวิทยานิพนธ์หรือวิจัยจบใช่ไหมละคะ//พูดแล้วคันหัวขึ้นมาทันทีเลย Ajji คิดว่าตอนนี้หลายคนคงกำลังนั่งกุมขมับร่างวิจัย 3 บท หรือไม่ก็กำลังปวดหัวกับการทำวิจัยจบจริงๆอยู่ก็ได้ เห้อออออ! แค่คิดก็ท้อแล้วค่าาา เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะการหาวิจัยหรืองานที่เกี่ยวข้องมันยุ่งยากมาก แล้วก็ต้องจะต้องนั่งพิมพ์อ้างอิงที่เรา citation ในวิจัยทุกอัน บ้าไปแล้วววววววว! แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะเรียนไม่จบ//ปาดน้ำตามาค่ะทุกคน วันนี้ Ajji มี เคล็ด(ไม่)ลับที่แอบแทรกวิชามารเล็กน้อยมาฝากทุกคนค่ะ หุหุหุ เคล็ด(ไม่)ลับของวันนี้ก็คือออออออ...."Google Scholar" นั่งเองค่าาาาา// ปรบมือรัวๆแต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก เจ้า Google Scholar กันก่อนดีกว่าค่ะGoogle Scholar คือ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของ Google ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมวรรณกรรมทางวิชาการมากมาย อาทิ เอกสาร บาความ บทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ต่างๆ ทั้งของไทยและต่างชาติ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เพียงแค่พิมพ์ keyword หรือ คำสำคัญ ลงในช่องค้นหา ก็จะปรากฏงานวิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นขึ้นมามากมายแต่เนื่องด้วย google scholar ได้รวมรวบข้องมูลมาจากหลายแหล่ง ทำให้มีทั้งบทความหรืองานวิชาการที่มีทั้งฟรี ต้องเข้าสู่ระบบ log in และเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการเลยล่ะค่ะ แต่ก็นะ นิสิตนักศึกษาตาดำๆอย่างเราคงไม่อยากจ่ายเงินโดยใช่เหตุใช่ไหมล่ะ Ajji เลยจะบอกวิธีสังเกตง่ายๆ หากวิจัยนั้นฟรี ด้านขวาจะมีคำว่า PDF ให้เรากดดาวน์โหลด นั่นเองค่าาาปล. หากต้องการให้งานวิจัยเราทันสมัย ควรอย่างยิ่งที่เลือกช่วงเวลาของวิจัยที่ใช้อ้างอิง ควรนับจากปีปัจจุบันถอยหลังไม่เกิน 5 ปีนะคะ แต่ถ้าหากต้องการอ้างอิงทฤษฎีที่เป็นต้นฉบับอันนี้เราไม่ว่ากันค่ะ เพราะอาจผ่านมาแล้วเป็น10ปีก็ได้เนอะเพียงแค่นี้ เราก็จะได้งานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาอ้างอิงให้วิจัยของเราดูน่าเชื่อถือแล้วล่ะค่ะ จากประสบการณ์แล้ว ยังมีอีกปัญหานึงที่กวนใจเราเป็นอย่างมาก นั่นคือการพิมพ์อ้างอิงวิจัยที่เราหยิบยกมาค่ะ ร่ำร้องงงงแล้วนะ เพราะมันเยอะมากจริงๆค่ะ หลายสิบวิจัยเลยทั้งไทยทั้งอังกฤษ พิมพ์ยังไงไหว?มานี่เลยค่าา Ajji จะบอกความลับของ Google Scholar บางอย่างให้ ต้องบอกว่านางถูกออกแบบมาเพื่อให้ความสะดวกสบายแก่เรา มากกว่าที่เราคิดมากๆเพียงแค่เรากดที่สัญลักษณ์ " ใต้ชื่อวิจัย ก็จะปรากฏหน้าต่างเล็กๆขึ้นมาให้เราค่ะทาด๊าาาาา! หน้าต่างที่ว่านี่คือ การ citation รูปแบบต่างๆ นั่นเองค่ะ เราสามารถเลือกได้เลยนะคะว่าทางคณะเรากำหนดแบบไหน จากนั้นก็คัดลอกไปใส่ในบรรณานุกรมของเราได้เลยค่าาาาา ง่ายมากๆปล.2 อย่าลืมปรับบรรทัดและเปลี่ยนฟอนต์ด้วยนะคะ เดี๋ยวโป๊ะแตก! 5555555แย่แล้ว! ลืมก็อปอ้างอิงไว้อะ มีแค่ชื่อผู้แต่งกับพ.ศ. ทำยังไงดี?ใจร่มๆนะคะทุกคน มันมีวิธีแก้ค่ะทุกโคนนนนนนนนนน Google scholar ช่วยคุณได้ วิธีก็ง่ายๆเลยค่ะ ทำตามขั้นตอนดังนี้1. คัดลอกชื่อผู้แต่งและปีของวิจัยที่เราต้องการหาและนำมาวางที่ช่องค้นหาของ Google Scholar2.เลือกดูวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเรา (ต้องเข้าไปอ่านดูด้วยนะคะว่า ชื่อผู้แต่งตรงไหม ปีตรงไหม มีข้อความที่เราอ้างอิงถึงไหม)3. กดที่สัญลักษณ์ " ใต้ชื่อวิจัย4. คัดลอก citation ที่ต้องการใส่บรรณานุกรมได้เลย (จัดหน้าและปรับฟอนต์ด้วยนะคะ)ปล.3 อย่าลืมเรียงบรรณานุกรมตามตัวอักษรด้วยนะคะเป็นไงบ้างคะทุกคน ง่ายใช่ม๊าาาาาาา?แต่อย่างไรก็ตาม Ajji อยากให้เพื่อนๆทุกคนทำงานตั้งแต่เนิ่นๆทำไปเก็บข้อมูลได้ด้วยดีที่สุดค่ะ ไม่อยากให้มาเร่งแล้วหลงลืมการอ้างอิง เพราะมันเสียเวลาสุดๆ// ใช่ค่ะ Ajji เคยหลงลืมจนทำให้ต้องนั่งตามหาวิจัยที่หยิบยกมาเป็นวันๆ เสียดายเวลามากๆเลยT_Tแต่ถ้าหากมันพลาดไปแล้ว Ajji ก็หวังว่าข้อมูลที่ Ajji นำมาแบ่งปันเพื่อนๆ จะสามารถช่วยกู้สถานการณ์อันตึงเครียดของเพื่อนๆให้คลี่คลายลงได้บ้างนะคะ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยค๊าาาาาาาาาาา <3