วันนี้ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ชีวิตจริงของผมให้เพื่อน ๆ ได้อ่านนะครับ เผื่อเพื่อน ๆ ท่านใดจะได้ลู่ทางในการสร้างรายได้เหมือนที่ผมเคยผ่านมาครับ หวังว่าเรื่องราวของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับเรื่องราวของผมเกิดขึ้นในเดือน มกราคม ปี 2560 ก่อนหน้านี้ผมเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ๆ คนหนึ่งครับ ทำงานมา 13 ปี ก็ไม่มีเงินเก็บ เลยคิดอยากเปลี่ยนงาน และในเดือน มกราคม ปี 2560 ผมก็ได้งาน ที่ บริษัทฯ แห่งหนึ่งครับ ในตำแหน่งหัวหน้างาน ด้วยครับ ผมยังจำได้ดีว่าผมมีความสุขกับนาทีที่เขาตกลงรับผมเข้าทำงานอย่างไร ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความคาดหวังในชีวิต สูงมากครับในตอนนั้น และผมก็ทดลองงานได้ 13 วัน ฝ่ายบุคคลก็เรียกผมไปพบ แล้วเขาก็บอกว่า “พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ ไม่ผ่านทดลองงาน ทางเราจะจ่ายเงินดือนให้ครึ่งเดือน” ผมถามสาเหตุเขาไปว่า ทำไมผมถึงไม่ผ่านทดลองงานครับ เขาบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ซึ่งในวันนั้นตอนเย็นผมพึ่งทราบว่า ผู้จัดการที่รับผมเข้าทำงานเขาลาออก ผมถึงเข้าใจว่าบริษัททำไม ไม่ให้ผมผ่านทดลองงาน คราวนี้ทุกอย่างมืดไปหมดเลยครับ ผมได้เงินเดือนครึ่งเดือนมา 11,000 แต่ค่าใช้จ่ายที่รออยู่สิ้นเดือน ค่ากินรายวัน จะทำไงคราวนี้ ครับ ผมจำเป็นต้องคิดเร็ว ทำเร็ว หารายได้เพิ่มระหว่างเดือนจากเงิน 11,000 ให้ได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของผมในการสร้างรายได้ครั้งใหม่ครับมันเริ่มจากเพื่อนบ้านเขาเป็นคนขายของตามตลาดนัด ซึ่งในคืนนั้นเราคุยกันเรื่องที่ผมตกงาน เขาจึงแนะนำผมว่า “ลองขายของสิ แล้วจะติดใจนะ” ผมบอกเขาว่าผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เขาก็บอกผมว่า “ไม่มีใครมีความรู้มาก่อนหรอก ความรู้น่ะมันอยู่ที่ปาก อยากรู้อะไรก็ถามเค้าเอา” แล้วเขาก็บอกผมว่าลองไปรับของแถวสำเพ็งอุดรมาขายดู ที่นั่นขายส่งราคาถูก วันรุ่งขึ้นผมจึงตัดสินใจเดินทางจากกรุงเทพฯ ไป อุดร เพื่อดูของครับ เมื่อถึงสถานที่ผมได้เดินดูจนทั่ว และมาสนใจสินค้าอยู่ชนิดหนึ่ง นั่นคือชุดผ้าปูที่นอนที่ขายเป็นชุดครับ แพคอยู่ในพลาสติกใส ดูดีครับ ผมจึงไปสอบถามราคากับผู้ขาย เขาบอกว่าขั้นต่ำ 30 ชุดถึงได้ราคาส่ง ซึ่งราคาส่ง มีดังนี้ครับผ้าปู ขนาด 3 ฟุต พร้อมปลอกหมอน 1 ปลอกหมอนข้าง 1 ราคา 110 บาท/ชุด ผ้าปู ขนาด 5 และ 6 ฟุต พร้อมปลอกหมอน 2 ปลอกหมอนข้าง 2 ราคา 139 บาท/ชุดผมตัดสินใจซื้อ มา 50 ชุด เป็น ขนาด 3 ฟุต 10 ชุด , ขนาด 5 ฟุต 15 ชุด และ 6 ฟุต 25 ชุด รวมเป็นเงิน 6,660 บาท เสร็จแล้วแล้วเจ้าของร้านก็ให้นามบัตรของร้านมา เขาบอกว่าคราวหน้าโทรสั่งแล้วโอนเงินมาก็ได้ครับ เราจะส่งสินค้าไปให้ ผ่านบริษัทขนส่งครับ เมื่อของมาถึง กทม.แล้ว บริษัทขนส่งจะโทรให้มารับ แถวๆ ถนนรองเมือง ครับ ค่าบริการก็ 300 / กระสอบ ถูกว่าค่าน้ำมันมาเองครับ ผมรับนามบัตรมา แล้วก็ขนของขึ้นรถครับ ซึ่งของที่ได้มานั้นเต็มรถยนต์ แน่นมากครับ สาเหตุที่ผมเลือกลงทุนกับผ้าปูที่นอนก็เพราะว่าผมคิดว่ามันเป็นของไม่เน่าไม่เปื่อยครับ และอยู่ในแพคกิ้งที่ดี อย่างแย่ก็นำมาขายเลหลังเอาทุนครับ ตอนนีผมใช้เงินไปแล้ว 6,660 ค่าสินค้า + 1,500 ค่าน้ำมันและค่าข้าวครับ รวมเป็นเงิน 8,160 บาท ตอนนี้ผมเหลือเงินติดตัว 2,840 บาท ครับ วันนี้ 17 มกราคม ผมเหลือเวลาอีก 13 วันในการจัดการหารายได้ให้เพียงพอค่าใช้จ่ายปลายเดือนครับ18 มกราคม ผมเริ่มขายวันแรก ผมออกเดินทางประมาณ 14.00 โดยไม่มีแผน ไปในตลาดที่ผมเคยไปแล้วคนเยอะๆ แต่เมื่อผมไปถาม เขาก็บอกไม่มีที่ว่างเลยครับ ผมจึงต้องเปลี่ยนไปอีกที่ครับ ซึ่งในที่นี้ก็มีที่ว่างครับแต่ตลาดคนไม่เยอะ วันนี้ผมไม่มีเวลาแล้วจึงต้องจำใจลงที่นี่เป็นที่แรกในการขายของผมครับ เกือบลืมไปครับผมมีต้นทุนอีกอย่างนั่นคือ เสื่อสำหรับวางขายของผมซื้อมาในราคา 100 บาท ลักษณะการขายของผมเป็นการขายแบกะดินครับ ผมตั้งราคาขายไว้ที่ 199 บาท/ชุด ไม่ว่าจะเป็น 3 ฟุต 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็ราคาเดียวครับ ระหว่างที่ขายก็มีพ่อค้าแม่ค้าด้วยกันมาพูดคุยด้วยเป็นระยะ ๆ ครับ ซึ่งผมก็ได้ความรู้จากพวกเขาเหล่านั้นมาเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็น วัน เวลา ที่ตั้งของตลาดนัดอื่นๆ หรือการเพิ่มจำนวนรอบขายในตลาดเช้าด้วย และผมก็ได้ถามเรื่องราวต่างๆในการขายอีกมากมาย ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เพื่อนบ้านบอกแล้วครับว่า “ไม่มีใครมีความรู้มาก่อนหรอก ความรู้น่ะมันอยู่ที่ปาก อยากรู้อะไรก็ถามเค้าเอา” เวลาผ่านไปประมาณ 19.30น. ผมก็เริ่มเก็บของเตรียมกับบ้าน เมื่อเก็บของเสร็จ ผมก็เริ่มนั่งสรุปตัวเลขยอดขายในวันนั้นครับ ซึ่งก่อนขายในวันนี้ ผมมี เงินเหลืออยู่ 2,840 บาท หักค่าเสื่อ 100 บาท , ค่าที่ 80 บาท ค่าน้ำมันรถ+ค่าข้าว 300 คงเหลือ 2,360 บาท บวกกับยอดขายวันนี้วันแรกขายได้ 12 ชุดครับ เป็นเงิน 2,388 บาท ตอนนี้ผมมียอดเงินรวม 4,748 บาทครับ และเหลือสินค้าอีก 38 ชุดครับ 19 มกราคม ผมขายวันที่ 2 และเปลี่ยนตลาด ไปยังที่พ่อแม่ค้าเมื่อวานแนะนำมา เพิ่มรอบขายเป็นเช้าและรอบเย็น โดยในรอบเช้าผมขายได้ 9 ชุด ค่าที่ 120 บาท รอบเย็นผมขายได้ 16 ชุด ค่าที่ 100 บาท ผมคิดคำนวนค่าน้ำมัน+ค่าข้าวเพิ่มเป็น 400 บาท/วัน สรุปยอดขายรวม เช้า - เย็น 25 ชุด เป็นเงิน 4,975 บาท หัก ต้นทุนการขายเท่ากับ 620 บาท คงเหลือ 4,355 บาท บวกยอดคงเหลือจากเมื่อวาน 4,748 บาท ตอนนี้ผมมียอดเงินรวม 9,103 บาท ครับ และเหลือของอีก 13 ชุด ครับ13 ชุด ที่เหลือนั้นไม่เพียงพอต่อการขายแน่นอนครับ ผมจึงตัดสินใจโทรสั่งของเพิ่ม ซึ่งในการโทรสั่งของจะใช้เวลา 2 วัน สินค้าจึงจะมาถึง กทม. สินค้าที่ผมสั่งครั้งนี้ เป็น ขนาด 3 ฟุต 10 ชุด , ขนาด 5 ฟุต 20ชุด และ 6 ฟุต 30 ชุด รวมเป็นเงิน 8,050 บาท + ค่าขนส่งอีก 300 รวมเป็นเงิน 8,350 บาทครับ เรียกว่าสั่งรอบนี้เทเกือบหมดหน้าตักครับ แล้วสินค้าก็มาส่งวันที่ 21 มกราคม ประมาณ 21.00น. ครับ ผมขับรถไปรับสินค้าและกลับมาเตรียมของสำหรับการขายในวันพรุ่งนี้ครับ ในตอนนี้ผมเหลือเงินสดติดตัว ตอนนี้ 1,053 บาท ครับ กับสินค้าอีก 73 ชุด 22 มกราคม วันนี้ผมจำได้ดีครับ มันเป็นวันอาทิตย์ ผมออกขาย 2 รอบ รอบเช้าและรอบเย็น โดยเปลี่ยนตลาด ซึ่งค่าที่วันนี้แรงครับ เช้า 150 บาท เย็น 180 บาท แต่ว่ายอดขายก็แรงเช่นกัน รอบเช้าผมขายได้ 26 ชุด รอบเย็น 38 ชุด ของเกือบหมดครับ ยอดขายวันนี้เป็นเงิน 12,736 เหลือของอีก 9 ชุด ครับ หักค่าที่และค่าน้ำมันรถค่าข้าว 730 บาท คงเหลือ 12,006 บวกกับ เงินที่เหลืออยู่เก่า 1,053 บาท รวมทั้งหมดเป็น 13,059 บาท นี่คือความแตกต่างระหว่างวันอาทิตย์และวันธรรมดาครับ วันอาทิตย์นั้นถ้าเราได้ตลาดดีๆ คนจะเยอะมากกว่าวันธรรมดาหลายเท่าครับ หลังจากนั้นผมก็ทำตามขั้นตอนที่เล่าไปจนถึงสิ้นเดือน ผมมีเงินรวมทั้งหมดประมาณ 23,000 บาท สรุปได้ว่า จากวันที่ 18-31 มกราคม ผมมีเงินลงทุนเริ่มต้น 11,000 จนสุดท้าย 31 มกราคม ผมมี 23,000 ผมทำเงินจากการขายได้ 12,000 เฉลี่ยวันละ 923 บาท/วัน ถือว่าเป็นรายได้ที่ไม่เลวเลยนะครับสำหรับผม ซึ่งในเดือนนี้ผมรอดจากค่าใช้จ่ายช่วงสิ้นเดือนมาได้ เดือนถัดมาผมก็ยังคงขายสินค้าเหมือนเดิมจนผ่านไป 4-5 เดือน ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ผมเริ่มมีเงินทุนและขยายการลงทุนโดยการเพิ่มจำนวนสินค้าให้เพียงพอต่อการขายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งยอดที่ผมขายได้ 1 เดือนมากว่า 700 ชุด กำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย 30,000 บาท/เดือน ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีสำหรับอดีตพนักงานบริษัทอย่างผมเลยที่เดียว และนี่ก็เป็น 5 เทคนิคในการขายของที่ตลาดนัดของผมครับหาตลาดที่จะขาย โดยไม่ซ้ำที่เดิมให้มากที่สุดทำบัญชีแยกประเภทรายได้ กับค่าใช้จ่าย ให้ชัดเจน ไม่ปนกันStock ของให้เพียงพอต่อการขายใน 1 อาทิตย์หมั่นหาความรู้เพิ่มเติมจากพ่อค้าแม่ค้าด้วยกันวันเสาร์-อาทิตย์ ห้ามหยุดครับและนี่ก็เป็นประสบการณ์ของผมที่อยากแชร์ให้ทุกท่านเผื่อเป็นไอเดียในการสร้างรายได้เสริม หรือเป็นรายได้ประจำได้เลยก็ได้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะครับ หวังว่าจะได้ประโยชน์จากบทความนี้กันทุกคนนะครับ แรก ๆ อาจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่าเพิ่งท้อนะครับ ทำไปเรื่อยๆ อาชีพนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนรูปปก โดย Geoff Greenwood on Unsplashรูปที่ 1 โดย Warren Wong on Unsplashรูปที่ 2 โดย Teo Do Rio on Unsplashรูปที่ 3 โดย Jezael Melgoza on Unsplashรูปที่ 4 โดย Nikola Đuza on Unsplashรูปที่ 5 โดย Willian Justen de Vasconcellos on Unsplashรูปที่ 6 โดย Niels Steeman on Unsplash เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !