8 ตัวอย่างมลพิษทางอากาศ จากที่มีสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป มีอะไรบ้าง อ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การที่เราต้องรู้ว่ามลพิษทางอากาศมาจากไหนและเกิดจากอะไร จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งค่ะ เพราะปัญหามลพิษทางอากาศนั้น ไม่ได้ไกลตัวอย่างที่เราคิดอีกต่อไปแล้วนะคะ แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขอนามัยของเราทุกคนได้ การที่เรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่แปรปรวน มีส่วนช่วยทำให้เราสามารถเตรียมรับมือและป้องกันตัวเองได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นความรู้ในบทความนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องมือสำคัญในการปกป้องตัวเองและคนที่เรารักค่ะ หากเรามองข้ามปัญหาที่มีอยู่ในอากาศและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิดมากค่ะ เพราะมลพิษทางอากาศไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขอนามัยแค่ในระยะสั้น แต่ยังเป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยเรื้อรังที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและหัวใจในระยะยาว นอกจากนี้การที่เราไม่ตระหนักถึงต้นตอของปัญหา ยังเท่ากับเป็นการปล่อยให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนรุ่นหลังในอนาคต ดังนั้นการใส่ใจและทำความเข้าใจเรื่องมลพิษทางอากาศ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเรื่องของการลงทุนเพื่อสุขอนามัยและความเป็นอยู่ที่ดีในปัจจุบันและในอนาคตของเราทุกคนค่ะ และต่อไปนี้คือ 8 ตัวอย่างของมลพิษในอากาศที่เราสามารถพบได้นะคะ 1. ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ หรือ PM10 ที่เรามักจะเห็นลอยอยู่ในอากาศนั้น ไม่ได้เกิดจากโรงงานหรือรถยนต์อย่างที่เราเข้าใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความเชื่อมโยงกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนได้อีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้น้ำในดินแห้งขอดและดินแตกระแหง เมื่อมีลมพัดก็จะพัดพาเอาฝุ่นจากหน้าดินเหล่านั้นให้ฟุ้งกระจายขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นมลพิษที่เราต้องหายใจเข้าไป นอกจากนี้ไฟป่าที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นในช่วงที่อากาศร้อนและแห้งจัด ก็เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นขนาดใหญ่ที่น่ากลัวไม่แพ้กัน ดังนั้นปัญหาฝุ่นละอองจึงไม่ใช่แค่เรื่องของอุตสาหกรรมหรือการจราจร แต่เป็นผลพวงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนซึ่งส่งผลกระทบต่อเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ 2. ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า PM2.5 ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของรถติดหรือโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้นค่ะ แต่สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปยังส่งผลด้วย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนและแห้งจัด ซึ่งทำให้เกิดไฟป่าได้ง่ายขึ้น โดยไฟป่าคือแหล่งกำเนิด PM2.5 ที่ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งนะคะ เพราะการเผาไหม้ทำให้เกิดอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมหาศาลลอยขึ้นไปในอากาศ และถูกกระแสลมพัดพาไปได้ไกล ตลอดจนในภาวะที่อากาศนิ่งและไม่มีลมพัด หรือที่เรียกว่า “สภาวะอากาศปิด” ฝุ่นละอองเหล่านี้ก็จะสะสมอยู่ในอากาศในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นปัญหานี้จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเป็นผลพวงจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของมลพิษที่เราสร้างขึ้นเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วยค่ะ 3. ก๊าซเรือนกระจก ถึงแม้ว่าก๊าซเรือนกระจกอย่างคาร์บอนไดออกไซด์ จะไม่ได้เป็นพิษโดยตรงเหมือนฝุ่นละออง แต่ก็เป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และสร้างปัญหามลพิษทางอากาศอื่นๆ ตามมาค่ะ โดยก๊าซเรือกระจกมักมาจากกิจกรรมที่เราทำกันในชีวิตประจำวัน ทั้งการเผาไหม้น้ำมันในรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงการปล่อยแก๊สมีเทนจากการทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ เมื่อก๊าซกลุ่มนี้สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก ก็จะทำหน้าที่เหมือนผ้าห่มที่ห่อหุ้มโลกไว้ ทำให้ความร้อนไม่สามารถระบายออกไปได้ จึงส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น เกิดภาวะโลกร้อน และตามมาด้วยปัญหาต่างๆ เช่น ภัยแล้ง ไฟป่า และพายุที่รุนแรงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุของมลพิษทางอากาศในรูปแบบต่างๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงเป็นเหมือนการแก้ปัญหาที่ต้นตอ เพื่อหยุดยั้งวัฏจักรของมลพิษที่กำลังส่งผลกระทบต่อเราทุกคนอยู่ในขณะนี้ค่ะ 4. ละอองเกสรพืช ต่อให้ละอองเกสรพืชที่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นพิษ แต่เมื่อลอยอยู่ในอากาศจำนวนมาก ก็จัดเป็นมลพิษทางอากาศชนิดหนึ่งค่ะ โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้นหรือฤดูกาลที่ผันแปรไม่แน่นอน และไปส่งผลให้พืชบางชนิดออกดอกเร็วขึ้นหรือนานกว่าปกติ ทำให้ปริมาณเกสรที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เพราะอาจทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรืออาการหอบหืดรุนแรงได้ ดังนั้นปัญหาละอองเกสรที่มากขึ้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องของธรรมชาติตามฤดูกาล แต่เป็นผลพวงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของคนเราได้โดยตรงค่ะ 5. สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย เป็นสารเคมีที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก ทั้งจากควันรถยนต์ สีทาบ้าน หรือสารทำความสะอาดในครัวเรือน และที่น่ากังวลคือเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป สารเหล่านี้ก็ยิ่งกลายเป็นปัญหามากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิสูงขึ้นและมีแสงแดดจัด เพราะสาร VOCs จะระเหยกลายเป็นไอในอากาศได้ง่ายขึ้น และเมื่อไปทำปฏิกิริยากับสารมลพิษอื่นๆ ที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม ก็จะยิ่งทำให้เกิดโอโซนในระดับพื้นผิว ซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศที่อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จึงไม่ได้ทำให้แค่ฝุ่นเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดสารพิษในรูปแบบอื่นๆ ที่มองไม่เห็นได้อีกด้วยค่ะ 6. สปอร์ของเชื้อรา นอกจากฝุ่นควันและสารเคมีแล้ว สปอร์ของเชื้อราก็จัดเป็นมลพิษทางอากาศที่อันตราย และมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างมากค่ะ โดยเฉพาะในภาวะที่เกิดน้ำท่วม หรือสภาพอากาศที่ชื้นผิดปกติ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา เมื่อเชื้อราเติบโตเต็มที่ก็จะปล่อยสปอร์ขนาดเล็กจำนวนมหาศาลออกมาในอากาศ ทำให้ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้หรือความเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมีอาการแย่ลงได้ง่าย และถึงแม้ว่าสปอร์ของเชื้อรา จะไม่ได้เป็นปัญหาที่มาจากการกระทำของมนุษย์โดยตรง แต่ก็เป็นผลพวงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งสร้างความเสี่ยงด้านสุขอนามัยที่มองไม่เห็นให้กับเราทุกคนได้ค่ะ 7. สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง สิ่งที่เราต้องเผชิญไม่ได้มีแค่เรื่องของความร้อนและภัยแล้งเท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงสารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นและฤดูกาลที่ผันแปร มักไปทำให้พืชบางชนิดออกดอกและแพร่กระจายเกสรได้เร็วขึ้นและนานขึ้น ซึ่งเกสรของพืชจะกลายเป็นมลพิษทางอากาศที่มองไม่เห็น และสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่เป้นภูมิแพ้หรือหอบหืดอย่างมาก เพราะเมื่อสูดดมเข้าไปก็จะเกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม หรือแม้กระทั่งอาการหอบหืดกำเริบอย่างรุนแรง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจึงไม่ได้เป็นแค่ปัญหาของโลกในภาพใหญ่ แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของคนเราในทุกๆ วันเลยค่ะ และนอกจากละอองเกสรพืชแล้ว สารก่อภูมิแพ้ในบ้านก็สำคัญค่ะ โดยเฉพาะไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม และเฟอร์นิเจอร์บุผ้า โดยเราจะแพ้มูลและเศษซากของไรฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ เชื้อราสามารถเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือใต้พรม และจะปล่อยสปอร์ออกมาในอากาศ เศษซากและมูลของแมลงสาบก็เป็นแหล่งของสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญเช่นกันค่ะ 8. เขม่าดำ รู้ไหมคะว่า เขม่าดำที่เราเห็นเป็นควันสีดำที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสกปรกเท่านั้น แต่ยังเป็นมลพิษทางอากาศที่ร้ายกาจและมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศด้วยค่ะ เนื่องจากเขม่าดำเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ทั้งจากควันท่อไอเสียของรถยนต์ดีเซล หรือโรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงการเผาขยะ และที่สำคัญคือไฟป่า ที่เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน เมื่อเขม่าดำเหล่านี้ลอยขึ้นไปในอากาศ จะไปดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ ทำให้โลกของเรายิ่งร้อนขึ้นไปอีก นอกจากนี้เมื่อเขม่าดำตกลงบนหิมะหรือน้ำแข็ง พื้นผิวหิมะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาหรือสีดำเพราะเขม่าดำ ก็จะเริ่มดูดซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้แทนที่จะสะท้อนกลับออกไป ทำให้บริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้นและเริ่มละลายเร็วกว่าปกติ ซึ่งกลายเป็นวัฏจักรที่เลวร้ายที่เขม่าดำเป็นทั้งผลพวงและสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ และทั้งหมดนั้นคือตัวอย่างของมลพิษทางอากาศ ที่เราสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวันค่ะ และจากเนื้อหาข้างต้นที่ผู้เขียนได้นำเสนอไว้นั้น จะเห็นได้ว่าการทำความเข้าใจเรื่องมลพิษทางอากาศที่เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตประจำวันของเรา เพราะไม่ได้เป็นแค่ปัญหาที่ไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขอนามัยของเราทุกคน การที่เราได้รู้ว่ามลพิษอย่างฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือละอองเกสรที่เพิ่มขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง จะช่วยให้เราสามารถเตรียมรับมือและป้องกันตัวเองได้อย่างทันท่วงที เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง หรือแม้กระทั่งการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน ซึ่งความรู้นี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยได้ค่ะ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เรารู้จักป้องกันตัวเองแล้ว ความเข้าใจในเรื่องนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างความตระหนักร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ต้นตอด้วยค่ะ เมื่อเราทุกคนเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ สามารถนำมาซึ่งมลพิษทางอากาศที่ร้ายแรงได้ เราก็จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานอย่างประหยัด และการสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น การที่เรามีความรู้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเอาตัวรอดในแต่ละวัน แต่ยังเป็นการร่วมกันสร้างอนาคตที่อากาศสะอาด และปลอดภัยสำหรับทุกคนในระยะยาวอีกด้วยนะคะ โดยในสถานการณ์จริงนั้น ผู้เขียนมีโอกาสได้พบเห็นมลพิษทางอากาศมาหลายอย่างเหมือนกันค่ะ ตั้งแต่ PM10 PM2.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขม่าดำจากเครื่องยนต์ และถ้าพูดถึงการแพ้จากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศนั้น ผู้เขียนไม่ได้เป็นคนที่ไวต่อสิ่งก่อภูมิแพ้ในอากาศค่ะ แต่เคยเห็นน้าคนที่รู้จักกันมักไอ จามและคัดจมูกเสมอ เวลาที่สภาพอากาศมีความชื้นสูงนะคะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านสามารถอ่านทำความเข้าใจอีกรอบได้ ก่อนที่จะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเลือกแนวทางมาป้องกันสุขอนามัยของตัวเราเองค่ะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #มลพิษทางอากาศ #สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง #ClimateChange #AirPollution เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Irham Setyaki จาก Unsplash, ภาพที่ 2-3 โดยผู้เขียน และภาพที่ 4 โดย Terence Burke จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล วิธีดูแลตัวเอง รับมือสารก่อภูมิแพ้หน้าฝน วันอานันทมหิดล วิธีกำจัดไรฝุ่น อาศัยอยู่บนที่นอนในบ้าน แบบไม่ใช้สารเคมีเลย 10 วิธีจัดการสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน เพื่อลดการนำพาละอองเกสร ทำไง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !