"ดิเออเบิ้ล" หนีตลาดคอนโดหันพัฒนาแนวราบ ชี้ตลาดยังดี
ข่าววันนี้ นายสมภพ วาณิชเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วง 1-3 ปีนี้ ว่า จะหันมารุกทำตลาดแนวราบมากขึ้น เนื่องจากตลาดคอนโดฯยังชะลอตัว จากวิกฤติโควิด-19 ทำให้สต๊อกเก่าของผู้ประกอบการยังเหลืออีกมาก ขณะที่การทำโครงการแนวราบจะสามารถสร้างรายได้และคืนทุนได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในปีนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่ม “ดิ เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้” หันมาพัฒนาโครงการแนวราบ ภายใต้แบรนด์ “คิวเรเตอร์”(Curator)ในรูปแแบบของทาวน์โฮม โดยมองว่าตลาดทาวน์โฮมดีมานด์ยังมีอีกมาก ขณะเดียวกันยอด Reject ในตลาดระดับดังกล่าวก็ยังสูงอยู่เช่นกัน ซึ่งการจะพัฒนาโครงการทาวน์โฮม ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน
สำหรับโครงการแรกที่พัฒนาคือ “คิวเรเตอร์ รามอินทรา 117″(Curator Ramintra 117) ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 13 ไร่เศษ ในรูปแบบของทาวน์โฮม ขนาด 17.8-43 ตารางวา ราคาเร่ิมต้นที่ 2.69-3.79 ล้านบาท จำนวน 151 ยูนิต มูลค่าโครงการ 497 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2565 นี้ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 28 ยูนิต หรือประมาณ 80% ในส่วนของเฟสแรก จากทั้งหมด 3 เฟส
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินในซอยรามอินทรา 117 จะอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านบาท/ไร่ ปัจจุบันปรับสูงขึ้นมาที่ 12 ล้านบาท/ไร่ เชื่อว่าหากรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดให้บริการประมาณเดือนสิงหาคม 2565 นี้ จะทำให้ราคาที่ดินปรับสูงขึ้นไปอีกที่ 40,000 บาท/ตารางวาขึ้นไป ซึ่งจะยิ่งทำให้ผู้ประกอบการหาที่ดินในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้ยากขึ้นไปอีก”นายสมภพ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนพัฒนาทาวน์โฮม แบรนด์ดังกล่าวในทำเลอื่นๆ โดยเฉพาะโซนตะวันออกของกทม.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปลายปี 2656 จะพัฒนาในทำเลพระราม5 บนพื้นทั้งหมด 10 ไร่ ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.3 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนในปี 2566 จะพัฒนาโครงการในทำเลย่านสายไหม พร้อมทั้งสนใจเปิดตัวบ้านแฝด แบรนด์ใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะที่ปี 2567 จะเปิดตัวโครงการในทำเลเทพารักษ์-ศรีนครินทร์ อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้ว 3 แปลง คือ ทำเลสายไหม,เทพารักษ์ และรังสิต คลอง 7
นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในส่วนอีก 3 โครงการที่ยังเลื่อนการเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง คือ
1.โครงการแซฟวี่ เสนา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 298 ตารางวา มีแผนพัฒนาเป็นคอนโดฯสูง 8 ชั้น ขนาด25-45 ตารางเมตร ราคา 90,000-100,000 บาท/ตารางเมตร หรือ 2.3 ล้านบาทขึ้นไป/ยูนิต จำนวน 148 ยูนิต มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท โดยแผนเดิมจะเปิดตัวในไตรมาส1/2562
2.โครงการทาวน์เฮาส์ ย่านรังสิต คลอง7 ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 18-19 ไร่ ซึ่งอาจจะพัฒนาเป็นเฟส รวมจำนวนทั้งสิ้น 140-150 ยูนิต ราคาประมาณ 1-1.6 ล้านบาท แต่ด้วยการแข่งขันที่สูง จึงต้องชะลอแผนการพัฒนาออกไปก่อน 3.แอททิจูด พหลฯ–เสนาฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 300 ตารางวา วางแผนพัฒนาเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ขนาด 24-40 กว่าตารางเมตร จำนวน 124 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท แต่ด้วยสภาวะตลาดคอนโดฯที่ยังชะลอตัว จึงต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไป
ส่วนแผนการเปิดตัวโรงแรมระดับ 3 ดาวครึ่ง บริเวณห้าแยกลาดพร้าว หน้าโรงเรียนเซนต์จอห์น บนพื้นที่กว่า 200 ตารางวา ซึ่งเดิมบริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดฯ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งนับวันจะมีศักยภาพมาก ประกอบกับทำเลดังกล่าวมีการแข่งขันพัฒนาคอนโดฯที่สูงมาก จึงได้ปรับแผนเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวแทน โดยจะมีทั้งหมดกว่า 140 ห้อง ราคาประมาณ 1,500 บาท/คืน มูลค่าการลงทุนประมาณ 350 ล้านบาท เดิมจะเปิดให้บริการได้ในปี2564 แต่คงต้องรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย และประกาศเป็นโรคประจำถิ่นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 นี้เสียก่อน รวมไปถึงรอให้ตลาดท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวเต็มที่เสียก่อน โดยก่อนหน้านั้นบริษัทฯได้เตรียมที่จะใช้โรงแรมในเครือออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เข้ามาบริหารงาน แต่หากสถานการณ์คลี่คลายคงต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้ง