ปัจจุบัน การปลูกผักแบบอินทรีย์ไว้กินเอง นั้น กำลังเป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพ และสำหรับคนที่มีเวลาดูแลผักของตัวเอง แต่หลาย ๆ คนก็มีข้อจำกัด เรื่องพื้นที่การปลูกผักไว้กินเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าเราจะลงมือทำ ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดอะไร เราก็สามารถทำได้ทั้งนั้นหล่ะครับ ไม่ว่าจะอยู่หมู่บ้านจัดสรร หรือ คอนโด ที่มีเพื่อที่จำกัด ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับคนรักการปลูกเลย ซึ่งวันนี้จะมาบอกขั้นตอน การปลูกผักเคล (Kale) “คะน้าใบหยิก” ง่าย ๆ สไตล์คนเมือง ที่ผู้เขียนได้ลงมือทำเอง และถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะความสำเร็จของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนปลูก 10 ไร่ ถ้าไม่รู้จักคำว่า พอเพียง ก็อาจจะยังไม่สำเร็จ เท่ากับคนปลูกได้ 2 กระถาง ที่พอใจและภูมิใจในสิ่งที่เราทำขึ้นเอง แค่นี้ก็ถือว่าสำเร็จแล้วครับ พูดถึงผักเคล (Kale) หรือ ผักคะน้าใบหยัก ก็เป็นพืชตระกูลเดียวกับผักจำพวก คะน้า และดอกกะหล่ำ มีลักษณะสีเขียวเข้ม ใบหยิก และมีหลายสายพันธุ์ เป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ และถูกยกให้เป็น ‘Superfood’ หรือที่เรายกให้เป็น ราชินีผักใบเขียว (The queen of green) เพราะผักเคลนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย อาทิ โอเมก้า 3 แมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก โซเดียม โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี 6 เป็นต้น ทำให้เป็นที่นิยมของกลุ่มคนรักสุขภาพไปแล้ว และผักเคล ยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู รวมไปถึงเครื่องดื่มที่ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายได้อีกด้วย สำหรับการปลูก คะน้าเคล นั้น เป็นผักที่ปลูกและดูแลง่าย คล้ายผักในตระกูลคะน้าที่เราคุ้นเคยกัน ต้องการแสงแดดตลอดวัน และให้น้ำสม่ำเสมอ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนปนดินเหนียวที่ระบายน้ำและอากาศดี มีปริมาณอินทรีย์วัตถุที่เพียงพอ ซึ่งคนเมืองก็สามารถปลูกได้ด้วยตัวเอง ผู้เขียนขอรีวิวสรุปง่าย ๆ ดังนี้เลย1. การเตรียมดินให้ดี มีอินทรีย์วัตถุที่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ในเบื้องต้นควรประกอบไปด้วย ดินถุงที่มีวางขายทั่วไป, มูลสัตว์, ขุยมะพร้าวที่ผ่านการแช่น้ำ และเศษหญ้าหรือใบไม้แห้งที่หาได้ ซึ่งนำส่วนผสมต่าง ๆ มาคลุกเคล้า แล้วหมักไว้ให้เกิดการย่อยสลาย (ครั้งหน้าจะมาบอกสูตรปรุงดินแบบละเอียดเลย ติดตามไว้ได้ครับ) ซึ่งควรเริ่มปรุงดินหมักไว้ พร้อม ๆ กับเริ่มเพาะเมล็ดเลย จะพอเหมาะกันมากครับ2. การเพาะเมล็ด บางคนอาจจะซื้อต้นกล้าจากเพจออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีขายอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ถ้าอยากทำด้วยตัวเอง ก็สั่งซื้อแค่เมล็ดก็พอ แล้วเอามาเพาะเอง โดยการใช้พีทมอสในการเพาะ % การเติบโตก็จะมีมากกว่าการใช้ดินเพาะธรรมดา ถ้าถ้าไม่มีพีทมอส ก็ใช้ดินเพาะร่อนละเอียด ๆ ก็ได้เช่นกัน และควรเพาะใส่ถาดหลุม เพื่อให้ง่ายต่อการย้ายต้นกล้าต่อไป4. การย้ายลงกระถางเล็ก เมื่อต้นกล้าเคลงอกแล้ว ก็นำมารับแสงแดดได้เลย เพื่อให้ต้นแข็งแรง และไม่ยืดยาวเกินไป พอพบว่าเริ่มมีใบจริง หรือมีใบงอกขึ้นมา 3-4 ใบ ก็ควรย้ายมาลงกระถางเล็ก โดยใช้ดินปลูกที่เราผสมไว้ได้เลย แต่ควรเริ่มต้นที่กระถางเล็กก่อน เพราะต้นกล้ายังต้องอนุบาลก่อน และต้องรอให้ดินหมักได้ระยะเวลาที่เหมาะสมก่อน5. เปลี่ยนใส่กระถางใหญ่ จากนั้นประมาณ 1 เดือน เมื่อเคลเรามีใบและกิ่งก้านที่ดูแข็งแรงแล้ว ก็นำไปลงกระถางใหญ่ได้เลย ควรเป็นกระถางอย่างน้อย 12 นิ้วขึ้นไปจะดีมาก เพราะสามารถกักเก็บสารอาหารของดินที่เราหมักไว้ ได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของเคล และควรย้ายในช่วงเย็น ๆ จะดีมาก จะทำให้เคลเราได้พักฟื้นในช่วงกลางคืนด้วยพอเรานำมาใส่กระถางใหญ่ หมั่นรดน้ำทุกวัน ถ้าหน้าดินแห้ง ก็รดเช้า – เย็น และต้องพรวนดินให้เคลเราอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พร้อมกับเติมปุ๋ยอินทรีย์ รวมไปถึงเปลือกไข่ที่เหลือจากการประกอบอาหารได้ด้วย จะทำให้เคลเราเจริญเติบโต ได้อย่างเร็วเลยทีเดียว เพียงเท่านี้ เราก็จะมีผักอินทรีย์ ไว้กินเองซึ่งทำง่าย ๆ ใช้พื้นที่ไม่มาก และสามารถนำขั้นตอนดังกล่าว ไปประยุกต์ปลูกผักอื่น ๆ ได้อีกมากมายเลยนะครับ การอยู่บ้านในเมืองบางครั้งก็กลายเป็นข้ออ้างไปเลย “ลงมือทำเท่านั้น คือคำตอบ” ภาพทั้งหมด : โดยเจ้าของเรื่อง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !