เห็นหนังสือรูปปกมีแมวตัวอ้วนนั่งหน้าบึ้ง ครีเอเตอร์ก็ชักสนใจหยิบรูปเล่มขึ้นมาอ่านดูก็พบว่านี่เป็นหนังสือจิตวิทยาพัฒนาตัวเองที่เรียบง่าย อ่านเพลิน โดยมีการอุปมาเอาแมวที่เราเลี้ยงอยู่ในบ้านหรือเห็นแมวมันวิ่งเล่นอยู่แถวชุมชนมาเป็นแม่แบบของไลฟ์โค้ช (เออ...เอากับเขาสิ) Stéphane Garnier ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เห็นแมวที่ตนเลี้ยงชื่อซิกกี้แล้ว...รู้สึกมันคงพยายามสื่ออะไรออกมาถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เครียดจนประสาทเสียเหมือนมนุษย์ แมวเหมียวจึงเปรียบกับไลฟ์โค้ชที่เราต้องมองให้ออกและปรับเข้ากับชีวิตของเราบ้าง จะได้หาความสุขในชีวิตเจอ ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของมนุษย์ที่มีไม่รู้จบ ความรู้ความประทับใจที่ได้ในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าแมวมีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ทำให้มันอยู่ได้โดยไร้ความเครียด สิ่งที่แมวให้ความสำคัญคือความสุขกาย ความสบายใจของตัวเอง เมื่อเราได้เห็นวิธีการใช้ชีวิตของมันมากขึ้น เราจะสามารถเปิดมุมมองใหม่และมองโลกต่างไปจากเดิม ขณะเดียวกันเราก็จะเข้าใจตัวเองได้ลึกซึ้งมากขึ้นในแบบที่ต่างออกไป ได้เรียนรู้ว่าแมวไม่จำเป็นต้องร้องเหมียว กระโดดไปมาหรือร้องเสียงดัง เรารับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของแมวทันทีที่มันก้าวเข้ามาในห้อง แม้มันจะไม่ได้ส่งเสียงเอะอะใดๆก็ตาม เราเองก็เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องโกหกปิดบัง สวมบทบาทที่ไม่ใช่ตัวเอง หรือพยายามสร้างความประทับให้คนอื่น ได้เรียนรู้ว่าคนที่มีเสน่ห์มากที่สุดเป็นคนที่มีแรงดึงดูดแต่ยังแฝงไปด้วยความสุขุมเสมอ ยิ่งถ้าเราซื่อสัตย์กับตัวเองและผู้อื่น เราก็จะยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น เสน่ห์จะเกิดขึ้นได้เมื่อเรายอมรับในสิ่งที่เราเป็น โดยไม่สวมบทบาทที่ไม่เหมาะกับตัวตนที่แท้จริงสำหรับเรา ได้เรียนรู้ว่าถ้าสังเกตแมวในบ้านที่เราเลี้ยงจะพบว่าแมวเครียดน้อยมาก แมวจะมีท่าทีสงบและสุขุม นั่งอย่างนิ่งเงียบ กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่มีกระวนกระวายให้เห็น แถมยังดูไร้ความกังวล ทั้งนี้ก็เพราะแมวรู้จักการทำให้ความเครียดพ้นไปโดยไม่รับรังสีความเครียดจากมนุษย์เข้าสู่ตัวของมัน ได้เรียนรู้ว่าความเครียดของแมวนั้นแท้จริง คือ ความระแวดระวังที่เพิ่มขึ้น ความตื่นตัวต่ออันตรายที่ใกล้เข้ามา และการเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่อาจรบกวนความสงบและห้วงความผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน แมวจะทำหูตั้ง เพ่งสายตามอง สังเกตและรอคอย ซึ่งถ้าแมวพบสาเหตุของความกังวล แมวก็จะกลับสู่ความสงบและล้มตัวลงนอนภายในไม่กี่วินาที (น่ารักมาก) ได้เรียนรู้ว่าธรรมชาติของแมวจะไม่สะสมความเครียดเอาไว้ หากเหตุการณ์อันตรายผ่านพ้นไป หรือหากสามารถหลีกเลี่ยง หรือรับมือกับมันเรียบร้อยแล้ว แมวมันจะปล่อยวางสิ่งที่เข้ามารบกวนได้อย่างรวดเร็ว และไม่แสดงร่องรอยความเครียดให้เห็นราวกับเหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น จงภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น แล้วเราจะกลายเป็นคนพิเศษที่ไม่มีใครเหมือน ได้เรียนรู้ว่าการจะรักษาความสุข ความสงบภายในจิตใจ จงหาที่มาของความเครียด จัดการให้เรียบร้อย จากนั้นก็ปล่อยวางอย่างถาวร อย่าเก็บมาคิดหรือเป็นกังวลอีก แล้วความสงบของเราจะกลับมา ได้เรียนรู้ว่าปัญญาไม่ใช่วิชาที่สามารถเรียนรู้หรือสอนกันได้ แต่เป็นภาวะหรือมุมมองที่ต้องอาศัยการถอยออกจากความวุ่นวายในชีวิต เพื่อทำความเข้าใจให้แจ่มชัดยิ่งขึ้นว่า มันเป็นแค่สิ่งธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป ดั่งที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า.....ผู้ปราดเปรื่องย่อมรู้ว่าต้องนั่งบนดวงจันทร์จึงจะมองเห็นโลก ได้เรียนรู้ว่าจงสร้างพื้นที่แห่งความรักและความสุขกายสบายใจขึ้นมาเอง โดยไม่ต้องรอคนอื่น ความสุขของเราขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ไม่มีใครจะทำสิ่งนี้ให้เราได้ คนอื่นก็ไม่รู้หรอกว่าทำอย่างไรเราถึงจะมีความสุข ดังนั้น เราต้องรับผิดชอบตัวเองด้วยการสร้างเขตแดนส่วนตัว พื้นที่แห่งความสบายใจ และวิธีที่จะพึงพอใจในชีวิตให้ได้อย่างที่แมวมันทำ ได้เรียนรู้ว่าถ้าเราไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เราเป็นก็มีแต่จะเจ็บปวดและผิดหวังในตัวเอง เราทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน และคนส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจในสภาพความเป็นอยู่ของร่างกายหรือฐานะทางสังคม ผู้คนส่วนมากไม่รักตัวเองและอยากเป็นแบบคนอื่นมากกว่าจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น หมายถึง การค้นพบจุดแข็งและความสามารถที่เราแต่ละคนมีอยู่ในตัวด้วย ได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เราแตกต่างจากแมว เรามีแนวโน้มที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็นและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่อยากเป็น ส่งผลให้เรารู้สึกทุกข์ใจอย่างแน่นอน ได้เรียนรู้ว่าแมวแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร แมวรู้จักตัวเองดีและไม่เคยโน้มน้าวตัวเองหรือผู้อื่นให้ชื่นชมมัน แมวมีความมั่นใจและภูมิใจในตัวเองมาก มันไม่คิดจะพิสูจน์ตัวเองในเรื่องใดทั้งนั้น ไม่ว่ากับใครก็ตาม แมวเป็นผู้ที่รู้จักเป็นตัวของตัวเอง แค่เป็นเพราะแมว มันก็มีเหตุผลมากพอที่จะภาคภูมิใจแล้ว ได้เรียนรู้ว่าจงตรงไปตรงมา อย่ากลัวที่จะพูดความจริง แม้มันจะไม่น่าฟัง จัดการกับประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม พูดตามความเป็นจริง และระบุถึงสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่ปิดบัง เมื่อเราตรงไปตรงมาต่อจิตใจตัวเอง เราจะประหยัดทั้งเวลาและพลังงาน จะสังเกตได้ว่าแม้ในวันที่เจ้าของบ้านหงุดหงิดอารมณ์เสีย แมวจะไม่เอาเรื่องแย่ๆมาทำลายวันดีๆของมัน ถือเป็นหนังสือเล่มเล็กกระชับมือที่อ่านง่ายและอ่านเพลิน แถมมี Quiz แบบทดสอบความเครียดวัดระดับว่าเราควรจะมีแมวเข้ามาในชีวิตมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มีหลายจุดที่ครีเอเตอร์อาจจะไม่เห็นด้วยถึงแนวคิดดังกล่าว ถึงกระนั้นโดยรวมแล้วครีเอเตอร์ก็มองว่าแนวคิดเหล่านั้นก็ยังมีความหมายอยู่บ้าง เราสามารถหยิบยกบางเรื่องมาใช้ได้เช่นกัน ไลฟ์โค้ชที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายและดูจะสุขสบายจะมีแต่แมวเท่านั้น (คงจะจริงแหละ...) บทสรุปของแมวคือช่างมันบ้างเสียได้ก็ดี หัดปล่อยวาง จดจ่ออยู่กับสิ่งสำคัญจริงๆ แมวไม่เคยสนใจเลยว่าจะมีเงินพอใช้จ่ายไหมหรือตลาดหุ้นจะตกไปกี่จุด (แหงละ...ก็แมวทำงานไม่ได้แถมเล่นหุ้นไม่เป็นนิ) พูดสั้นๆคือ จงใช้ชีวิตให้ได้อย่างแมว เครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย wirestock จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ ไม่ต้องเลิกขี้อายก็ได้สิ่งที่ต้องการรีวิวหนังสือ เมื่อโลกเสียงดังเกินไป (Calm in the Chaos) โดย รวิศ หาญอุตสาหะรีวิวหนังสือ THE BETTER ME MODEL ฮาวทู เกลา ชีวิตให้ดีกว่าเดิมรีวิวหนังสือ ทิ้งนิสัยไม่ดีแล้วจะมีความสุขรีวิวหนังสือ ภาระที่อมไว้ คายออกมาเถอะนะ จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !