กัมพูชาไม่พึ่งพาไฟฟ้าไทยจริงหรือ ในวันที่ประกาศไม่กลัวไทยตัดไฟ จากปมตึงเครียดชายแดน

กัมพูชาไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทยจริงหรือ

มาตรการตัดไฟฟ้าของประเทศไทย ไม่ส่งผลกระทบต่อกัมพูชาหรือไม่ 

แก้ว รัตนัค รัฐมนตรีกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกัมพูชา ประกาศว่า กัมพูชาไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทยเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ และกัมพูชามีไฟฟ้าใช้เพียงพอแล้ว

ดังนั้น มาตรการตัดไฟฟ้าของไทย หลังสถานการณ์ตึงเครียดพิพาทชายแดน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนกัมพูชา

แต่เรื่องนี้จริงแค่ไหน 

ฝ่ายการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ชี้ว่า 

ค่าไฟฟ้ากัมพูชา ถือว่าสูงที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค จากปัญหาขาดแคลน และต้องนำเข้าเชื้อเพลิงดีเซลในราคาสูง เพื่อผลิตกระแสไฟ

ยิ่งเป็นแถบชนบท ค่าไฟก็ยิ่งแพง และปัจจุบัน ครัวเรือนกัมพูชา 88.4% เข้าถึงไฟฟ้าแล้ว 

ข้อมูลชี้ว่า ค่าไฟฟ้ากัมพูชาอยู่ที่ 5.45 บาทต่อหน่วย ขณะที่ของไทยอยู่ที่ 3.2-4.4 บาท

แล้วยิ่งคนกัมพูชาใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อคงราคาค่าไฟ ไม่ให้สูงเกินไป

ปัจจุบัน กัมพูชามีสัญญานำเข้าไฟฟ้ากับไทย เวียดนาม และลาว รวม 1,030 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นเกือบ 25% ของไฟฟ้าในกัมพูชา

ข้อมูลจาก The Observatory of Economic Complexity หรือ OEC ผู้ให้บริการด้านการค้าระหว่างประเทศ เผยข้อมูลว่า

ในปี 2023 กัมพูชานำเข้าไฟฟ้า มากถึง 254 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นผู้นำเข้าไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 42 ของโลก ส่วนใหญ่มาจากลาว 181 ล้าน เวียดนาม 53 ล้าน และไทย 19.4 ล้านดอลลาร์

และหากย้อนไปปี 2022 กัมพูชานำเข้าไฟฟ้าจากไทย ถึง 80.8 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว

อันที่จริง กัมพูชามีแผนซื้อไฟฟ้าจากไทยและประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นด้วย 

โดยเมื่อปลายปีที่แล้ว แก้ว รัตนัค รัฐมนตรีกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกัมพูชา คนเดียวกันนี้ ประกาศแผนซื้อไฟฟ้าจากไทย ลาว และเวียดนาม เพิ่มอีก 600 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มจากข้อตกลงปัจจุบันกว่า 50% ภายในปีหน้า

หากกัมพูชาประกาศว่า ปัจจุบัน ไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไทยจริง ก็น่าสนใจว่า กัมพูชานำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไหนเพิ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการไฟฟ้าในประเทศ ขณะที่ประชาชนก็ไม่ต้องลำบาก จากค่าไฟที่สูงขึ้น จากปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า