14 วิธีป้องกันมลพิษทางน้ำ มีอะไรบ้าง ลดปัญหาได้ ที่คุณควรรู้ อ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ปัจจุบันนี้ปัญหาด้านมลพิษในสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นประเด็นที่สำคัญ ที่หลายภาคส่วนต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน ที่ไม่เว้นแม้แต่คนธรรมดาอย่างเราๆ ค่ะ ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า มลพิษทางน้ำคือหนึ่งในอีกหลายๆ อย่างของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่ตอนนี้ในบางพื้นที่ก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่ และคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า จริงๆ แล้วการที่เราพบว่า มีแหล่งน้ำแห่งขึ้นได้สูญเสียความสามารถในการบำบัดตัวเองไป จนทำให้เกิดน้ำเสียในพื้นที่ตรงนั้น นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ไปจัดการในเรื่องของการป้องกันมลพิษทางน้ำค่ะ แล้วแนวทางในการป้องกันมลพิษในแหล่งน้ำมีอะไรบ้าง? พอจะมองภาพออกกันบ้างไหมคะ? หรือว่าก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมน้ำถึงเน่าเสียได้ ซึ่งถ้ายังไม่รู้ว่าวิธีป้องกันมลพิษทางน้ำมีอะไรบ้าง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักแนวทางป้องกันน้ำเสีย ว่ามีวิธีการไหนบ้างสามารถลดมลพิษในแหล่งน้ำได้ หากเราเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งในตำบลหนึ่ง เราจะต้องเริ่มทำอะไรจากจุดไหนดี ซึ่งอ่านจบแล้วคุณผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพได้ทันทีค่ะ งั้นอย่าช้าที่จะอ่านให้จบและนำไปใช้กันคะทุกคน กับเนื้อหาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. การจัดการน้ำเสียอย่างถูกสุขลักษณะ การจัดการน้ำเสียอย่างถูกสุขลักษณะเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันมลพิษทางน้ำค่ะ เพราะน้ำเสียที่ไม่ได้บำบัดอย่างถูกต้องจะมีสารพิษ จุลินทรีย์ และสารอินทรีย์ปะปนอยู่จำนวนมาก เมื่อถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำคลองหรือทะเล จะส่งผลให้คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเน่าเสีย ปลาตาย และระบบนิเวศทางน้ำถูกทำลาย ซึ่งการจัดการน้ำเสียที่ได้มาตรฐานจะช่วยกำจัดสารอันตรายเหล่านี้ออกไป ทำให้น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมีคุณภาพดีเพียงพอ ที่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อแหล่งน้ำธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตในน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดการแพร่กระจายของจุลินทรีย์ที่มากับน้ำเสีย ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนโดยรวมได้ การลงทุนในการบำบัดน้ำเสียอย่างถูกวิธีจึงเป็นการลงทุนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเราทุกคนค่ะ 2. ให้ป้องกันมลพิษจากกิจกรรมอื่นๆ หลายคนยังไม่รู้ว่า การป้องกันมลพิษทางน้ำจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของเราเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่น้ำเสียจากบ้านเรือนเท่านั้นนะคะ แต่กิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การทิ้งขยะไม่ถูกที่ โดยเฉพาะขยะพลาสติกหรือสารเคมีอันตรายลงสู่แหล่งน้ำโดยตรงหรือปล่อยให้ไหลลงไปตามท่อระบายน้ำ การทำเกษตรกรรมที่ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมากเกินไป จนสารเคมีถูกชะล้างลงสู่แม่น้ำลำคลอง หรือแม้แต่การปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่มีการบำบัดอย่างเหมาะสม ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำทั้งสิ้นค่ะ ซึ่งการที่เราทุกคนตระหนักและร่วมมือกัน เช่น ไม่ทิ้งขยะลงแหล่งน้ำ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมีในบ้านและสวน และสนับสนุนธุรกิจที่มีการจัดการของเสียอย่างรับผิดชอบ จะช่วยลดปริมาณสารพิษและสิ่งแปลกปลอมที่จะปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำได้ ทำให้แหล่งน้ำของเราสะอาด ปลอดภัย และคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้ในระยะยาว เพื่อให้เรามีน้ำสะอาดในแหล่งน้ำต่างไปได้นาน ๆ นั่นเองค่ะ 3. จัดการขยะมูลฝอยอย่างเหมาะสม ขยะที่เราทิ้งไปในแต่ละวัน โดยเฉพาะขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติอย่างเช่น พลาสติก โฟม หรือขยะอันตราย จำพวกแบตเตอรี่และสารเคมี หากถูกทิ้งไม่ถูกที่ก็จะถูกพัดพาลงสู่แหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำคลองหรือทะเล สิ่งเหล่านี้จะไปทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำรวมถึงตัวเราเองด้วย การที่เราทุกคน หันมาช่วยกันคัดแยกขยะก่อนทิ้ง ทิ้งขยะในที่ที่จัดไว้ให้ ไม่ทิ้งขยะลงท่อระบายน้ำหรือแหล่งน้ำโดยตรง และลดการสร้างขยะตั้งแต่ต้นทาง จะช่วยลดปริมาณขยะที่จะไหลลงสู่แหล่งน้ำได้มหาศาล ทำให้แหล่งน้ำของเราสะอาด ปลอดภัย และยังคงความสวยงามไว้ได้นานๆ เพื่อให้เรามีน้ำดีๆ ใช้ไปตลอดไปจนถึงคนรุ่นหลังค่ะ 4. ควรมีการควบคุมการใช้สารเคมีในการเกษตร คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงที่เกษตรกรใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แม้จะช่วยเพิ่มผลผลิตในทางการเกษตร แต่สารเคมีเหล่านี้ไม่ได้อยู่แค่ในดิน เพราะเมื่อฝนตกหรือมีการชลประทาน สารเคมีเหล่านั้นจะถูกชะล้างไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำใต้ดิน ทำให้น้ำเน่าเสียและปนเปื้อนสารพิษ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำได้ เช่น ปลา กุ้ง หอย ทำให้ตายหรือเจ็บป่วย และยังเป็นอันตรายต่อคนเราหากนำน้ำนั้นมาอุปโภคบริโภค ดังนั้นการควบคุมการใช้สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นการ ลดปริมาณการใช้ เลือกใช้สารเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือหันมาใช้วิธีการเกษตรอินทรีย์ จะช่วยลดการสะสมของสารพิษในแหล่งน้ำได้อย่างมาก ทำให้เรามีน้ำสะอาดใช้และรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางน้ำให้ยั่งยืนต่อไปค่ะ 5. ต้องป้องกันการรั่วไหลของสารอันตราย รู้ไหมคะว่า การป้องกันไม่ให้สารอันตรายต่างๆ รั่วไหล เป็นเรื่องสำคัญมากในการดูแลแหล่งน้ำของเรา เช่น น้ำมัน สารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่น้ำมันเครื่องจากรถยนต์ หากรั่วไหลลงสู่พื้นดินแล้วซึมลงไป หรือไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองโดยตรง จะส่งผลร้ายแรงต่อคุณภาพน้ำทันที โดยน้ำจะปนเปื้อนสารพิษและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำอย่างรุนแรง และอาจทำให้น้ำนั้นไม่สามารถนำมาใช้บริโภคหรืออุปโภคได้อีกต่อไป การที่เรามีมาตรการป้องกันที่ดี เช่น ตรวจสอบและบำรุงรักษาภาชนะบรรจุสารเคมีอย่างสม่ำเสมอ จัดเก็บสารอันตรายในที่ปลอดภัย และมีแผนรับมือฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุรั่วไหล จะช่วยลดความเสี่ยงที่สารพิษจะลงไปปนเปื้อนในแหล่งน้ำได้อย่างมหาศาล ทำให้ระบบนิเวศทางน้ำไม่ถูกทำลาย และเราทุกคนก็จะมีน้ำสะอาดปลอดภัยไว้ใช้ไปอีกนานค่ะ 6. หันมาควบคุมการใช้สารเคมีในภาคครัวเรือนและพาณิชยกรรม การที่เราใส่ใจและควบคุมการใช้สารเคมีในบ้านเรือนและร้านค้าต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากในการปกป้องแหล่งน้ำของเราค่ะ เพราะสารเคมีที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาทำความสะอาด น้ำยาล้างห้องน้ำ ผงซักฟอก ยาฆ่าแมลงในบ้าน หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายบางชนิด ล้วนมีสารเคมีทั้งนั้น ที่เมื่อถูกชะล้างลงท่อระบายน้ำก็จะไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองได้ สารจากสิ่งของเหล่านี้สามารถทำให้น้ำเน่าเสีย จนเป็นพิษต่อสัตว์น้ำและส่งผลเสียต่อระบบนิเวศทางน้ำ หากเราไม่ควบคุมการใช้และปล่อยลงสู่แหล่งน้ำมากเกินไป ในขณะที่หากเราทุกคนหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการใช้สารเคมีเท่าที่จำเป็น ไม่ทิ้งสารเคมีลงท่อระบายน้ำโดยตรง และมีการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกวิธี จะช่วยลดปริมาณสารพิษที่จะปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำได้อย่างมหาศาล ทำให้แหล่งน้ำของเราสะอาด ปลอดภัย และคงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนค่ะ 7. อนุรักษ์น้ำและใช้ทรัพยากรน้ำอย่างประหยัด ยิ่งเราใช้น้ำน้อยลงเท่าไหร่ ก็จะหมายถึงปริมาณน้ำเสียที่จะต้องบำบัดก็น้อยลงตามไปด้วย ลองนึกภาพดูว่าถ้าทุกคนใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะอาบน้ำนานๆ เปิดน้ำทิ้งไว้ตอนแปรงฟัน หรือล้างรถบ่อยเกินความจำเป็น ปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นก็จะมีมหาศาลทำให้ระบบบำบัดน้ำเสียทำงานหนักเกินไปจนอาจบำบัดได้ไม่ทั่วถึง น้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดก็จะไหลลงสู่แม่น้ำลำคลอง ทำให้เกิดมลพิษได้ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราทุกคนช่วยกัน ปิดน้ำเมื่อไม่ใช้ อาบน้ำเร็วขึ้น หรือนำน้ำที่ใช้แล้วบางส่วนกลับมาใช้ซ้ำ ก็จะช่วยลดภาระของระบบบำบัดน้ำเสีย และลดปริมาณน้ำเสียที่สร้างมลพิษลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เรามีน้ำสะอาดใช้ได้อย่างยั่งยืนและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันค่ะ 8. ฟื้นฟูและบำรุงรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติ การที่เราช่วยกันฟื้นฟูและบำรุงรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่นแม่น้ำ ลำคลองหรือบึงต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันมลพิษทางน้ำค่ะ เพราะแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์จะมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น ลองนึกภาพแหล่งน้ำที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมริมตลิ่ง มีพืชน้ำหลากหลายชนิด และมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆอาศัยอยู่มากมาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยกรองและดูดซับสารพิษที่ปนเปื้อนมากับน้ำตามธรรมชาติได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ทำให้น้ำไม่เน่าเสียได้ง่าย หากแหล่งน้ำของเราถูกปล่อยทิ้งไว้ให้เสื่อมโทรม ไม่มีพืชชายน้ำไม่มีระบบนิเวศที่ดี ก็จะเหมือนกับแหล่งน้ำที่ป่วย และไม่สามารถรับมือกับมลพิษได้เลย ซึ่งการปลูกป่าชายเลน การปลูกพืชริมตลิ่งการทำความสะอาดแหล่งน้ำอย่างสม่ำเสมอ และการปล่อยสัตว์น้ำท้องถิ่นกลับคืนสู่ธรรมชาติ จะช่วยให้แหล่งน้ำกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันให้กับน้ำของเรา ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษร้ายแรงได้อย่างยั่งยืนค่ะ 9. ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ หลายคนอาจสงสัยว่ามลพิษทางอากาศเกี่ยวอะไรกับน้ำ แต่ความจริงแล้วมลพิษทางอากาศมีผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพน้ำของเราอย่างมากค่ะ ลองนึกภาพควันพิษจากโรงงานหรือไอเสียรถยนต์ที่มีสารเคมีอันตราย เมื่อลอยขึ้นไปในอากาศแล้วปะปนอยู่ในเมฆและตกลงมาพร้อมกับฝน หรือที่เรียกว่า "ฝนกรด" ฝนกรดเหล่านี้จะทำให้แหล่งน้ำของเรา เช่น แม่น้ำ ลำคลองหรือทะเลสาบ มีความเป็นกรดสูงขึ้น ส่งผลให้สัตว์น้ำไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ พืชน้ำตาย และทำลายระบบนิเวศทางน้ำทั้งหมด การที่เราหันมาใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม แทนการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อมลพิษ หรือการที่เราลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น จะช่วยลดปริมาณสารพิษในอากาศได้อย่างมหาศาล ซึ่งหมายความว่าฝนที่ตกลงมาก็จะมีสารพิษปนเปื้อนน้อยลงด้วยเช่นกัน เมื่อน้ำฝนสะอาด แหล่งน้ำธรรมชาติของเราก็จะมีคุณภาพดีขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นการป้องกันมลพิษทางน้ำตั้งแต่ต้นตอ ทำให้เรามีน้ำสะอาดและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนค่ะ 10. รณรงค์และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง การที่ภาครัฐและทุกคนช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้เรื่องมลพิษทางน้ำ และในขณะเดียวกันก็บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องแหล่งน้ำของเราค่ะลองนึกภาพว่าถ้าไม่มีใครรู้ว่าการทิ้งขยะลงน้ำเป็นเรื่องผิด หรือรู้แต่ไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน ผู้คนก็อาจจะยังทำพฤติกรรมเดิมๆ ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อไปเรื่อยๆ การรณรงค์จะช่วยให้ประชาชนทุกคนเข้าใจถึงผลกระทบของมลพิษทางน้ำ และรู้ว่าควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไร ส่วนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ทำผิด เช่น โรงงานที่ปล่อยน้ำเสีย หรือคนที่ไม่จัดการขยะอย่างเหมาะสม จะเป็นการสร้างมาตรฐานและบทเรียน ที่มีส่วนทำให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม การทำงานควบคู่กันเช่นนี้ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และลดโอกาสที่จะเกิดการกระทำที่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้เรามีน้ำสะอาดใช้ไปนานๆ และรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูกหลานต่อไปค่ะ 11. ส่งเสริมการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Decentralized และระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน การที่เราสนับสนุนให้มีการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Decentralized หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ระบบบำบัดน้ำเสียขนาดเล็กที่กระจายอยู่ตามอาคารหรือกลุ่มอาคาร ร่วมกับการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน เป็นเรื่องสำคัญมากในการป้องกันมลพิษทางน้ำค่ะ เพราะน้ำเสียจากบ้านเรือนและอาคารต่างๆ เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ใหญ่ที่สุด หากไม่มีระบบบำบัดที่ดีน้ำเสียเหล่านี้ก็จะถูกปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลองโดยตรง ทำให้เกิดการเน่าเสียอย่างรวดเร็ว การมีระบบบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสม ไม่ว่าจะในรูปแบบของระบบ Decentralized ที่ช่วยบำบัดน้ำเสียตั้งแต่ต้นทาง ไม่ต้องรอรวมน้ำเสียปริมาณมากๆ หรือระบบรวมของชุมชนที่ช่วยบำบัดน้ำเสียจากหลายครัวเรือนพร้อมกัน จะช่วยกำจัดสิ่งปนเปื้อนและจุลินทรีย์ออกจากน้ำเสียก่อนที่จะปล่อยออกสู่ธรรมชาติ ทำให้น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมีความสะอาดและได้มาตรฐาน ที่จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ การมีระบบบำบัดที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพนี้เอง ที่จะช่วยให้น้ำของเราสะอาด ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับทุกคนค่ะ 12. ต้องมีการจัดการน้ำเสียจากปศุสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ รู้ไหมคะว่า การจัดการน้ำเสียจากฟาร์มปศุสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการป้องกันมลพิษทางน้ำ เพราะน้ำเสียที่มาจากมูลสัตว์ ปัสสาวะ และน้ำจากการล้างคอกสัตว์นั้นมีทั้งสารอินทรีย์ ธาตุอาหารสำหรับพืชและจุลินทรีย์จำนวนมาก หากปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำโดยตรงโดยไม่มีการบำบัด จะทำให้น้ำเน่าเสียอย่างรุนแรง จนเกิดภาวะขาดออกซิเจนในน้ำ จนสิ่งมีชีวิตในน้ำไม่สามารถอยู่รอดได้ แถมยังเป็นแหล่งเพาะสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์อีกด้วย ซึ่งการมีระบบจัดการน้ำเสียที่ดีในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย การนำมูลสัตว์มาผลิตก๊าซชีวภาพหรือการนำไปทำปุ๋ยหมัก จะช่วยลดปริมาณสารปนเปื้อนในน้ำเสียได้อย่างมหาศาล ทำให้น้ำที่ปล่อยลงสู่ธรรมชาติมีคุณภาพดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันมลพิษทางน้ำเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสียได้อีกด้วย ถือเป็นการจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืนของแหล่งน้ำของเรา 13. เฝ้าระวังและตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเราตรวจวัดคุณภาพน้ำบ่อยแค่ไหน ก็จะยิ่งรู้ได้เร็วว่าแหล่งน้ำของเรากำลังมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่น มีสารเคมีปนเปื้อนเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือมีปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงจนส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ การรู้ข้อมูลอย่างรวดเร็วจะช่วยให้เราสามารถหาต้นตอของมลพิษได้ทันท่วงที และลงมือแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายจนยากจะควบคุม ตัวอย่างเช่น ถ้าพบว่ามีสารเคมีรั่วไหลจากโรงงานลงสู่แม่น้ำ การตรวจสอบที่รวดเร็วจะทำให้เราสามารถหยุดยั้งการรั่วไหลนั้นได้ทันเวลา และเร่งบำบัดน้ำที่ปนเปื้อนก่อนที่จะส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นการเฝ้าระวังและตรวจสอบน้ำอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นเหมือนดวงตาที่ช่วยจับตาดูคุณภาพของแหล่งน้ำ ทำให้เราสามารถป้องกันและรับมือกับมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้แหล่งน้ำของเรายังคงมีคุณภาพที่ดีและเกิดความยั่งยืนค่ะ 14. ควรส่งเสริมความรู้และสร้างจิตสำนึก การให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกให้กับทุกคน เป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการป้องกันมลพิษทางน้ำนะคะ เพราะเมื่อคนเราเข้าใจว่า น้ำสะอาดมีความสำคัญต่อชีวิตมากแค่ไหน และการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเราสามารถส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งขยะ การใช้สารเคมีหรือการปล่อยน้ำเสีย เมื่อนั้นทุกคนก็จะเริ่มตระหนักและอยากจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้นเอง การรณรงค์ให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆการจัดกิจกรรมที่ได้ลงมือทำจริง เช่น การเก็บขยะในแหล่งน้ำหรือการสอนให้เด็กๆ รู้จักวิธีแยกขยะและใช้น้ำอย่างประหยัด จะช่วยปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เด็กจนโต เมื่อคนมีจิตสำนึกที่ดี ก็จะเกิดการร่วมมือร่วมใจกันในการดูแลและปกป้องแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสั่ง ทำให้แหล่งน้ำของเราสะอาด มีคุณภาพดีและคงอยู่คู่กับเราไปนานๆ ค่ะ ก็จบแล้วค่ะ พอจะมองภาพออกกันบ้างไหมคะ คือเนื้อหาอาจมีรายละเอียดมากหน่อย แต่ผู้เขียนต้องการให้ทุกคนมองเห็นภาพใหญ่ของเรื่องนี้ เพราะในความเป็นจริงนั้น มลพิษทางน้ำไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว และไม่ได้เกิดจากบ้านหลังใดหลังหนึ่งในประเทศไทย แต่เกิดจากหลายๆ จุด จากหลายกิจกรรมที่มีความหลากหลาย จนสะสมมลพิษไปทุกวันๆ ที่เราทุกคนจะมารู้อีกทีว่ามีมลพิษทางน้ำเกิดขึ้นแล้ว ก็ต่อเมื่อแหล่งน้ำได้มีมลพิษและปัญหากลายเป็นวงกว้างแล้วค่ะ ดังนั้นแนวทางข้างต้นคือจุดที่จะไปปิดทุกประตูที่เป็นสาเหตุ ที่เราคนไทยทุกคนควรหันมาตระหนักและให้ความสำคัญค่ะ โดยเราอาจเริ่มจากจุดที่เป็นไปได้ จากเรื่องใกล้ตัวที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน ทำจากที่บ้าน โดยอาจเริ่มจากซอยบ้านเรา ภายในอำเภอและตำบลของเราก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน จุดที่เราช่วยกันนี้ก็จะขยายออกกว้างขึ้นๆ เหมือนการต่อจิ๊กซอว์นะคะ สำหรับที่นี่ผู้เขียนก็ทำจากจุดที่เป็นไปได้เหมือนกันค่ะ จากทุกส่วนที่ตัวเองเกี่ยวข้อง ตั้งแต่อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่สวน ใช้น้ำอย่างประหยัด ติดตั้งอุปกรณ์โซล่าเซลล์ ติดตั้งถังบำบัดถังเกรอะจากส้วม จัดการขยะและน้ำเสียที่บ้านอย่างเหมาะสม รวมไปถึงลดการใช้สารเคมีที่เกินความจำเป็น ทั้งในส่วนของการเกษตรและภายในครัวเรือนค่ะ ที่บางวันก็ได้ทำบางอย่างมากหน่อย ในขณะที่บางวันก็ทำแค่จุดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นค่ะ ยังไงนั้นอย่าลืมนำแนวทางในนี้ไปปรับใช้กันนะคะทุกคน ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Rawpixel.com จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย Mike van Schoonderwalt จาก Pexels, ภาพที่ 4 โดย Mark Stebnicki จาก Pexels และภาพที่ 5 โดย Chokniti Khongchum จาก Pexels เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 ลักษณะของน้ำเสียที่ขาดออกซิเจน จนเกิดปัญหามลพิษทางน้ำ การกำจัดน้ำเสียจากถังเกรอะส้วม ด้วยระบบร่องซึม ดีไหม 9 แนวทางอนุรักษ์น้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !