รีเซต

SCGP กำไรQ2แรง94% เป้ากองทุนเข้าSET50

SCGP กำไรQ2แรง94% เป้ากองทุนเข้าSET50
ทันหุ้น
22 ตุลาคม 2563 ( 07:45 )
192
SCGP กำไรQ2แรง94% เป้ากองทุนเข้าSET50

ทันหุ้น-สู้โควิด-  SCGP เทรดวันนี้ นักวิเคราะห์ชี้ ธุรกิจมีแนวโน้มโตทั้งธุรกิจกระดาษและพลาสติก แถมปีหน้ารับรู้รายได้เพิ่ม Fajar ที่ซื้อมาจากอินโดนีเซีย ล่าสุดไตรมาส 2/2563 กำไรพุ่ง 94.42 % ชูเป็นหุ้น Value Stock จับตาเข้า SET50 ทันที ตามเกณฑ์ Fast track โบรกเคาะพื้นฐาน 41 บาท


นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด(มหาชน) หรือ SCGP ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC คาดว่า ด้วยศักยภาพของบริษัท ที่เป็นผู้นำธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน จะสร้างความเชื่อมั่นและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจ, นำไปชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน


ทั้งนี้หุ้น SCGP ได้กำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 35 บาท โดยเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 1,127,550,000 หุ้น คิดเป็น 26.5%  ของทุนชำระแล้วหลัง IPO มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) ไม่เกิน 169,130,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15%ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้


นอกจากนี้บริษัทวางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคง พร้อมกันนี้ได้วางโมเดลธุรกิจ Packaging Solutions  ที่แตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์ของลูกค้า และรักษาการเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน


นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่าการเสนอขายหุ้น SCGP ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย จึงเชื่อว่าหลังจากหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยคาดว่าหุ้น SCGP จะเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ที่คำนวณดัชนี SET50 ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์


กำไรQ2แรง


SCGP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิ 1,904.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.42%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 979.44 ล้านบาท ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 3,636.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2,601.50 ล้านบาท


โดยไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563 เนื่องจากมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินกู้ยืมสกุลดอลลาร์สหรัฐของ PT. Fajar Surya Wisesa Tbk หรือ Fajar ในขณะที่ไตรมาส 1/2563 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินกู้ยืมดังกล่าว


รายได้จากการขายในไตรมาส 2/2563 เท่ากับ 21,636 ล้านบาท ลดลง 11%จากไตรมาส 1/2563 แต่เพิ่มขึ้น 6%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน การที่รายได้จากการขายลดลง เนื่องจากผลดำเนินงานทั้งสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร รวมถึงสายธุรกิจเยื่อและกระดาษที่ลดลง


พื้นฐาน 41 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ประเมินราคาเป้าหมายของหุ้น SCGP ของปี 2564 ที่ 41 บาทต่อหุ้น มองว่า SCGPเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นมากในช่วง5 ปีที่ผ่านมา และมีจุดเด่นคือมีอัตรากำไรและการเติบโตที่สูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมมาก รวมถึงข้อได้เปรียบจากเครือข่ายการตลาดที่มีอยู่ทั่วภูมิภาคอาเซียนจากการเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์


นอกจากนี้ได้คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2563-2565 จะมีการเติบโตต่อเนื่อง อยู่ที่ 6,999 ล้านบาท, 8,335 ล้านบาท และ 9,702 ล้านบาทตามลำดับ การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยสร้างโอกาสเติบโตอีก 1 เท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2568


และมองว่าหุ้น SCGP จะถูกนำเข้าคำนวณใน SET50ได้หลังจากหุ้นเข้าตลาดมาได้ 3 วัน ตามเกณฑ์ Fast track (T+3) ซึ่งจะทำให้กองทุนประเภท Passive Fund เข้ามาลงทุน


แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่าหุ้น SCGP เป็นหุ้น Value Stock เนื่องจากธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทั้งจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษ และธุรกิจพลาสติก ซึ่งธุรกิจก็ไม่ได้ทับซ้อนกันและลูกค้าเป็นคนละกลุ่มกัน ขณะเดียวกันในปีหน้าคาดว่าจะมีการเติบโต


เนื่องจากประเมินว่าการแพร่ระบาดโควิด-19 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงธุรกิจของ Fajar .อินโดนีเซีย ที่ SCGP ไปซื้อมา ก็จะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาระดอกเบี้ยของ SCGPน่าจะลดลง หลังจากที่บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนใน IPO ทำให้สามารถนำเงินไปคืนหนี้ได้


และการที่ SCGP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าเกิดผลดีต่อหุ้น SCC ที่เป็นบริษัทแม่ ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้นได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง