รีเซต

โอมิครอน BA.4 - BA.5 กรมวิทย์ฯแถลงไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 181 ราย!

โอมิครอน BA.4 - BA.5 กรมวิทย์ฯแถลงไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 181 ราย!
TNN ช่อง16
24 มิถุนายน 2565 ( 11:49 )
137
โอมิครอน BA.4 - BA.5 กรมวิทย์ฯแถลงไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 181 ราย!

วันนี้( 24 มิ.ย.65) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึงกรณีที่มีข่าวตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในประเทศไทยว่า จากการสุ่มตรวจ พบการติดเชื้อรวม 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทบ 48 ราย ติดเชื้อในประเทศ 133 ราย ส่วนใหญ่พบผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการสุ่มตัวอย่างมาตรวจมากที่สุด


ขณะที่สัดส่วนการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทยขณะนี้ ร้อยละ 53.8 ยังคงเป็นเชื้อ โอมิครอน BA.2 รองลงมา คือ โอมิครอน BA.4/BA.5 ร้อยละ 45.8 และร้อยละ 0.5 เป็นเชื้อโอมิครอน BA.1


โดยประเทศไทยยังคงต้องจับตาอีก 2-3 สัปดาห์ต่อจากนี้ รวมถึงจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลด้วย ซึ่งจะร่วมมือกับกรมการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้ออาการหนักเข้ารักษาในโรงพยาบาลขอให้ส่งตัวอย่างเชื้อมาที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากต่อจากนี้มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญก็อาจจะต้องทำให้มีการพิจารณามาตรการบางอย่างที่เข้มขึ้น


ภาพจาก ผู้สื่อข่าว TNN ช่อง 16

 


ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่รายงานข่าวก่อนหน้านี้ พบผู้ป่วยติดเชื้อ BA.4 และ BA.5  จำนวน 81 ราย ทางอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า เป็นข้อมูลที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานเข้าสู่ระบบฐานกลาง GISAID (จีเซท) 


อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังระบุอีกว่า ตอนนี้ทั่วโลกมีสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวลเพียงสายพันธุ์เดียว คือ โอมิครอน ส่วนสายพันธุ์อื่นแทบไม่มีแล้ว ซึ่งโอมิครอนมีการกลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อยอีกหลายสายพันธุ์ แต่ล่าสุดได้มีการสังเกตเห็นบางตัวที่น่าห่วงกังวล เช่น  BA.4 และ BA.5  โดยในตำแหน่งของ BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง L452R เหมือนกัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เชื้อเดลตาเคยกลายพันธุ์มาก่อน ซึ่งข้อมูลจากผลวิจัยจากห้องปฏิบัติการพบว่า เชื้อ BA.4 และ BA.5 ทำลายปอดและมีอาการปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น แต่ทางข้อมูลทางคลินิกยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ


ทำให้มีข้อกังวลว่า สายพันธุ์ดังกล่า จะมีความรุนแรงเหมือนเชื้อเดลตาหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังเป็นข้อสันนิษฐานอยู่ ทำให้องค์การอนามัยโลกออกมาประกาศถึงสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ให้เป็นสายพันธุ์ที่น่าจับตามองหลังในหลายประเทศพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้น


ขณะที่ องค์การอนามัยโลกได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า BA.5 น่าจับตาใกล้ชิดกว่า โดยขณะนี้พบใน 62 ประเทศ ซึ่งสถานการณ์ภาพรวมพบเพิ่มขึ้นอีกไม่นาน BA.5 จะเป็นสายพันธุ์ที่มีการระบาดไปทั่วโลก ส่วน BA.4 พบใน 58 ประเทศ  ส่วน BA 2.1.2.1 พบ 69 ประเทศ 


โดยในหลายประเทศ พบการเพิ่มจำนวนของ BA.5 เพิ่มขึ้น ส่วน BA.4 และ BA.2.1.2 มีแนวโน้มลดลง ส่วนอัตราการแพร่เร็วของสายพันธุ์ BA. 4 และ BA.5 ข้อมูลที่มีในปัจจุบัน พบชัดเจนว่าสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่เร็วกว่าเดิม ประมาณ 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับ BA.2 เป็นการพบในห้องปฏิบัติการ โดยพบอีกว่า แอนตี้บอดี้ทำลายเชื้อ BA. 4 และ BA.5 ได้น้อยลง ส่งผลทำให้ยารักษาบางชนิด ที่ต้องตอบสนองกับยาที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันน้อยลงไปด้วย


ภาพจาก ผู้สื่อข่าว TNN ช่อง 16

 


ทั้งนี้ คนที่เคยติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์อื่นก่อนหน้านี้ อาจจะติดเชื้อซ้ำสายพันธุ์ BA .4 และ BA.5 ได้ แต่หากได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิสู้กับเชื้อได้ดี รวมถึงหลักการ การติดเชื้อโควิดซ้ำ ในระยะเวลาใกล้กันส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการรุนแรงเนื่องจากร่างกายยังคงมีภูมิอยู่


อย่างไรก็ตาม ย้ำขออย่าให้ตื่นตระหนกและกังวลจนเกินไป เพราะกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุขได้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ข้อมูล ในสหรัฐอาณาจักร ที่ได้รายงานบนฐานข้อมูลกลาง พบว่า BA.4 และ BA.5 แพร่เร็วกว่า BA.2 จริง เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่สหรัฐอเมริกา 


โดยไทยยังคงมีวิธีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่มีทั้งตรวจแบบเร็วภายใน 1 วัน ยังคงตรวจอยู่ภายในศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่ง ถึงแม้จะมีการลดจำนวนตัวอย่างลง และอีกวิธีที่มีการทำอย่างต่อเนื่อง คือการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์โดยตรวจตัวอย่างประมาณ สัปดาห์ละ 500-600 ตัวอย่าง โดยได้มีการรายงานผลการตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์ขึ้นระบบฐานข้อมูลกลาง หรือ จีเซท ยืนยันไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลรายงานตามจริงที่มีการตรวจ


ขณะเดียวกันอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พูดถึงการผ่อนคลายหน้ากากอนามัยที่วันนี้เป็นวันแรกโดยระบุว่า การใส่หน้ากากอนามัยยังคงมีความจำเป็นอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนแออัดคนเยอะ





ติดตาม ยอดโควิดได้ที่ ศูนย์ข้อมูล COVID-19

ภาพจาก AFP/รอยเตอร์

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง