ผลกระทบจากการ LOCKDOWN ยังขยายวงกว้างออกไปไม่หยุด อุตสาหกรรมที่รับแรงกระแทกหนักที่สุดน่าจะเป็นการท่องเที่ยวทั่วทั้งโลก ซึ่งประกอบด้วยบริษัทสายการบิน โรงแรม พนักงาน ร้านค้า บุคคลธรรมดา และชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ เมื่อเงินตราถูกตัดออกจากสมการชีวิต จนต้องโดดเข้าเล่นเกม SURVIVAL กันทั่วหน้าเช่นนี้ มนุษย์เมืองจะหาทางออกอย่างไร จะยังฝากความมั่นคงทางอาหารไว้กับงานการเพียงอย่างเดียวอีกหรือไม่ ปลาคาร์พช่วยชาติ มีข่าวสั้น ๆ ใน YAHOO NEWS รายงานว่าที่ประเทศแอฟริกาใต้ องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติของรัฐจับปลาคาร์พในทะเลสาบ GROENVLEI ไปบริจาคให้ประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อนำไปประกอบอาหารประทังชีวิต ทุกวันมีผู้มาต่อแถวรอรับโปรตีนชั้นยอดนี้ถึง 250 ราย เนื่องจากต้องปิดประเทศมาห้าเดือนแล้ว เศรษฐกิจย่ำแย่ เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ ทำไมปลาคาร์พ “งานเข้า” ปลาต่างถิ่นสายพันธุ์ยุโรปนี้ ถูกนำเข้ามาในประเทศตั้งแต่ทศวรรษที่ 1800 แต่ที่ทะเลสาบแห่งนี้ มีรายงานว่าราวทศวรรษที่ 1990 มีผู้ละเมิดกฎหมาย แอบนำมาปล่อย จนพวกมันแพร่กระจายพันธุ์ และคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งลดคุณภาพของน้ำในระบบนิเวศน์ ตลอดสองปีที่ผ่านมา อาสาสมัครได้รวมตัวกันวางอวนลอย เมื่อปลาติดแล้ว ก็ขนไปเข้าโรงงานเพื่อผลิตเป็นปุ๋ยน้ำออแกนิค จนช่วง LOCKDOWN มูลนิธิแห่งหนึ่งเสนอว่า น่าจะแจกจ่ายปลาที่จับได้ ให้แก่ชุมชนที่ขาดแคลนอาหาร จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และผลักดันจนโครงการสำเร็จ เปิบพิสดาร – อาหารเหลา ปลาคาร์พที่กล่าวถึงเป็น COMMON CARP ทางวิชาการเรียกว่าปลาไน อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน ไม่ใช่ KOI CARP หรือปลาแฟนซีคาร์พที่มีราคาสูงลิ่ว ทะเลสาบ GROENVLEI เป็นสวรรค์ของนักตกปลาน้ำจืด แต่ละปี มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาพักผ่อน ตั้งแคมป์ ตกปลาเล่น หรือเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ เมื่อปลาคาร์พติดเบ็ดแล้ว มักปลดตะขอออก ยกขึ้นถ่ายรูปคู่กับป้ายบันทึกการจับ แล้วปล่อยคืนลงน้ำ ไม่นำมาบริโภค ดังนั้น จึงยังเหลือประชากรปลาตัวเขื่องจำนวนนับไม่ถ้วน ยามลำบากเช่นนี้ ผู้รับบริจาคจึงมีโอกาสเปิบพิสดารปลาที่เข้าเกณฑ์ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นรุกราน ทั้งนี้ ในเขตอนุรักษ์บางแห่งในประเทศ มีการจับปลาชนิดนี้บ้าง เพื่อยังชีพและจำหน่าย แต่ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย เพราะเป็นปลาที่หากินตามโคลนตะกอนที่ท้องน้ำ เมื่อปรุงสุกแล้ว มักมีกลิ่นคาวจัดและกลิ่นดินติดมาด้วย สำหรับปลาตระกูลคาร์พสายพันธุ์เอเชียมีต้นกำเนิดจากประเทศจีน ในตลาดเอเชีย ปลาไนหรือปลาหลีฮื้อที่คนแต้จิ๋วในประเทศไทยเรียก เป็นอาหารชั้นเลิศราคาสูงตามภัตตาคาร เนื่องจากในภาษาจีนกลาง คำว่าปลาพ้องเสียงกับคำว่ามีเหลือกินเหลือใช้ จึงมักเห็นเมนูปลาทั้งตัวบนโต๊ะเมื่อถึงมื้อพิเศษ โดยเฉพาะตอนวันตรุษจีน ในวันธรรมดา แม่บ้านชาวจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ก็เลือกปลาคาร์พมาปรุงอาหารอยู่เป็นประจำ ส่วนประเทศทางแถบตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออกก็นิยมรับประทานเช่นกัน แต่เป็นสายพันธุ์ยุโรปเหมือนกับที่ประเทศแอฟริกาใต้ กินโลด โหดแต่จบ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่อำเภอเมืองลพบุรี มีปัญหานกพิราบฝูงละร้อย ๆ ตัวบินมาตามลานตากของโรงสี เพื่อขโมยกินข้าวเปลือกกันซึ่งหน้าทุกวัน รวมทั้งข้าวเปลือกที่เพิ่งจะงอกตามนาหว่าน สารคดีของช่องไทยพีบีเอสรายงานว่า โดยเฉลี่ยเจ้าของต้องเสียภาษีให้นกตัวละ 30 กรัม หรือโดยรวมวันละ 10 - 15 กิโลกรัม จ้างนกเหยี่ยวมาไล่ก็แล้ว ขี่มอเตอร์ไซด์ยิงปะทัดไล่ก็แล้ว พักเดียวก็บินกลับมาอีก เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันจนเหนื่อย สุดท้าย มีคำสั่งตกจากนายอำเภอ ให้ชาวบ้านรวมพลทอดแหจับนก แล้วสาธิตวิธีปรุงสุกเมนูนกพิราบ กินกันอร่อยทั้งอำเภอ กรณีนี้ไม่เข้าข่ายเปิบพิสดาร เพราะนกพิราบอบกาแฟ ผัดพริกเสฉวน หรืออบยอดผัก เป็นจานเด็ดที่ยังพอหาชิมได้ตามภัตตาคารจีนกวางตุ้งในกรุงเทพ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ ทะเลสาบขนาดสี่คูณหนึ่งกิโลเมตรแห่งนี้ไม่ได้เชื่อมต่อกับผืนน้ำอื่นใด การลดประชากรปลาคาร์พเริ่มในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ลพบุรี จับปลาได้13 ตัน ถ้าใช้นโยบาย “กินโลด โหดแต่จบ” ตั้งแต่ต้น วันนี้ความหลากหลายทางชีวภาพและคุณภาพของน้ำน่าจะเข้าใกล้สภาวะปกติแล้ว นอกเสียจากว่าทางการยังอยากส่งเสริมกีฬาตกปลา ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ถ้าเช่นนั้น ก็คงต้องจัดปลาคาร์พขนาดเรียกแขกได้ไว้เป็นแม่เหล็กดึงดูด การ LOCKDOWN อาจจะหยุดการท่องเที่ยวได้ หยุดเม็ดเงินไหลเข้าประเทศได้ แต่หยุดสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เมืองไม่ได้ ชีวิตวิถีใหม่คือการถอยไทม์ไลน์กลับไปพึ่งพาธรรมชาติ รื้อค้นทั้งทรัพย์ในดินและสินในน้ำ จนได้ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานมานอนอยู่บนจานเปล ทางออกนี้ถือเป็นการจัดระเบียบใหม่ให้สิ่งแวดล้อมไปในตัวด้วย ถึงคราวปลาคาร์พช่วยชาติ ช่วยให้หลายชีวิตมีเหลือกินเหลือใช้ เรื่องโดย 1456 ขอบคุณรูปภาพจาก piqsels.com ภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6