สวัสดีผู้อ่านทุกท่านจ้า ไม่ได้เจอกันนานมาก กลับมาแล้ว ก็ผู้เขียนได้ไปเจอหนังสือเล่มนึงมา เล่มที่จะหยิบนำมารีวิวนี่ละ รู้สึกว่าน่าสนใจมากและก็แค่ชื่อหนังสือก็ทำให้อยากจะอ่านแล้ว และคนที่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันมากกับผู้เขียน เนื่องด้วยชีวิตของเรามีครั้งเดียว และเราก็อยากจะใช้ชีวิตให้เต็มที่ ชีวิตที่เราต้องการจริงๆ ที่ไม่ใช่การทำตามกฎเกณฑ์ของใคร เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผู้เขียนจะมารีวิวหนังสือเล่มนี้ว่าหลังจากอ่านแล้วผู้เขียนได้อะไรกลับมาบ้าง หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ” พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ หนังสือที่เขียนโดยคุณ Hisui Kotaro (ฮิซุย โคทาโร่) ที่เป็นนักเขียนชื่อดัง มีหนังสือออกมาหลายเล่มแล้ว และประเทศไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ WeLearn หนังสือที่จะให้ 27 คำถามที่ช่วยให้ฉุกคิดและใช้ชีวิตโดยไม่เสียใจภายหลัง ซึ่งผู้เขียนเองก็หลังอ่านก็รู้สึกผ่อนคลายเยอะเลย ซึ่งจะมีอะไรที่ผู้เขียนได้รับจากหนังสือเล่มนี้บ้าง มาดูกันเลยจ้า ข้อจำกัดที่ตั้งไว้ ทุกคนก็มีข้อจำกัดในการทำบางสิ่งบางอย่าง จนอาจจะกลัวการล้มเหลว ผู้เขียนได้อ่านก็ได้ค้นพบว่าทุกคนมีความกลัวที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็เป็นเพราะความผิดพลาดของตัวเองในอดีตที่เลือกแล้วก็ล้มเหลว รวมไปถึงการที่ครอบครัวจำกัดเรา เนื่องด้วยในยุคของพวกเขาได้พบเจอความลำบากและกลัวว่าเราจะล้มเหลวและใช้ชีวิตไม่ได้ การหางานที่มั่นคงในมุมมองของพวกเขา การรักษาภาพลักษณ์เพื่อที่จะไม่โดนมองว่าแปลก เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งผู้เขียนก็มีเช่นกันและหลายคนก็ต้องมีที่ครอบครัวจำกัด แต่ต้องบอกว่าทุกวันนี้สังคมเปิดกว้างมาก เรามีการสมรสเท่าเทียมแล้ว มีคนรุ่นใหม่ที่กล้าทำอะไรมากขึ้น ทำความฝัน ได้คอสเพลย์เป็นตัวละครที่ชอบ ได้พิสูจน์ตัวเอง อะไรแบบนี้ ขอแค่กล้าเสี่ยง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองยังไง การที่ไม่ทำอะไรแล้วมานึกเสียใจภายหลังมันน่าเศร้ากว่ามาก ที่ทำได้คือพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ได้น่ากลัวเลย แถมยังสร้างพลังบวกได้ด้วย เพราะงั้นถ้าผู้อ่านมีอะไรอยากทำก็ทำไปเลย ต่อให้โลกจะโหดร้ายขอแค่อย่ายอมแพ้และทำต่อไปจ้า เสี่ยงบ้างก็ได้ เดินหน้าชนไปเลย ตามมาจากข้อแรกเลย เกิดมามีความฝัน มีสิ่งที่อยากทำ ต่อให้เป็นคนตัวเล็ก ก็ต้องลุกขึ้นสู้สิ จะมาแพ้อะไร ต่อให้ชีวิตที่ผ่านมาจะหนักหนา ไม่มีเวลามาท้อ ชีวิตยังต้องเดินต่อไป ทุกคนไม่มีใครชีวิตราบรื่นหมด และแต่ละคนก็ต้องเจออุปสรรคแตกต่างกัน Go for it เลยจ้า เราคือคนเดียวที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ ถึงเราจะไม่ได้มีเหมือนคนอื่นเขา ไม่ได้เก่งด้านนั้น ไม่ได้เกิดมาร่ำรวย ไม่ได้มีชีวิตที่เรียบหรู แต่ว่าชีวิตของเรายากมากที่จะหาใครมาเลียนแบบได้ ทุกเรื่องราวมีทั้งความสุขและความทุกข์ที่แตกต่างกันมาก ไม่ต้องกังวลว่าเราดูไม่ดีเท่าคนนั้นเลย บางทีเราอาจจะมีสิ่งที่คนนั้นไม่มีก็ได้ เป็นตัวเองไปให้สุดเลยจ้า ให้คิดว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง สักวันอาจจะไม่เกิดขึ้น หากรู้ว่าวันสุดท้ายของเรามาถึงตอนไหน การที่ทำสิ่งที่อยากทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ ทำเท่าที่ได้ อย่างน้อยก็ดีมากแล้ว ความตายคือสิ่งที่สักวันต้องเจอกับทุกคน จะเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ตื่นมาอีกเลยก็ได้ จะเป็นโรคร้ายที่ไม่ทราบสาเหตุก็ได้ เหมือนกรณีของพี่หมอกฤตไท จากเพจ สู้ดิวะ คือ บทเรียนที่ดีมากในการเห็นคุณค่าชีวิตของเรามากขึ้น ผู้เขียนมีบทความที่ทำด้วยนะ ลองไปหาอ่านกันได้จ้า ท้อได้แต่ว่าต้องเดินไปต่อ ชีวิตของเรามีความหมายสำหรับใครสักคน บางทีเราอาจจะมีเรื่องที่มีแค่เราคนเดียวที่สามารถทำได้ มีช่วงที่ผู้เขียนได้ไปทำงานบริการ ก็ยอมรับว่าทำงานห่วยมาก โดนว่าบ่อย แต่สิ่งที่ผู้เขียนมีคือการทำให้ลูกค้าประทับใจ และมีน้อยมากที่จะมีปัญหากับลูกค้า เรียกว่า 1-2% ได้ ซึ่งลูกค้าบางท่านที่มาบ่อยก็มีถามชื่อผู้เขียนก็มีเหมือนกัน และสตรีมเมอร์ที่ผู้เขียนได้เข้าไปชมก็รู้สึกว่าผู้เขียนไม่เหมือนใครและประทับใจในตัวผู้เชียนที่มีอะไรไม่เหมือนใคร และก็ล่าสุดผู้เขียนไปต่างจังหวัดก็ไปช่วยญาติทำข้อมูลบนโทรศัพท์ ซึ่งบางคนทำไม่ได้และไม่ได้รู้เรื่องเทคโนโลยี และมีผู้เขียนที่ทำได้ก็ทำให้และอธิบายให้ว่าแบบนี้ทำยังไง ประมาณนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะเล็กน้อยไม่ได้ใหญ่อะไรแต่ว่ามันก็แสดงให้เห็นว่าตัวเราไม่ได้ไร้ค่าเลย ทุกคนมีความหมายดีๆ กับใครบางคนมาก บางคนอาจจะมีชีวิตอยู่เพราะตัวเราก็ได้ ถ้าไม่มีเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ภูมิใจเถอะจ้าที่เรามีตัวตน ความสุขที่มอบให้ทุกคนก่อนตาย คือ สิ่งที่ดีที่สุด เราไม่สามารถพาทรัพย์สินเงินทองเสื้อผ้าชุดที่ใส่กลับไปได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ ส่งต่อพลังบวกให้ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนล้วนจากไปโดยไร้ของติดตัว คนธรรมดา ดารา นักร้อง บุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียง เมื่อจากไปก็จบแค่นั้น แต่สิ่งที่ทำให้ได้ คือ พลังบวกที่มอบให้ได้ ให้อะไรได้ ให้ไปเลยจ้า จะเล็กน้อยหรือมากก็มีความหมายพอที่จะทำให้คนที่ยังอยู่ได้เดินหน้าต่อไปได้ อย่างบทความนี้ก็น่าจะมอบพลังบวกให้กับคนอ่านได้เหมือนกันจะน้อยจะมากแต่ถ้าช่วยได้ผู้เขียนรู้สึกยินดีอย่างมากจ้า เป็นยังไงบ้างผู้อ่านทุกท่านกับรีวิวหนังสือ พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้หนาและมีหลายหน้าผู้เขียนใช้เวลาเกือบ 7 วันในการอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ และก็ผู้เขียนไม่ได้หยิบเนื้อหามาทั้งหมดเน้อ อยากให้ผู้อ่านลองไปหาอ่านกันเองจะดีกว่า อ่านแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่แค่ชื่อก็ทำเอาตระหนักถึงชีวิตมากขึ้นเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนทุกคนต้องตายแต่ว่าอยากทำอะไรก่อนตายละ เริ่มทำตอนนี้เลยนะ ใช้ชีวิตเหมือนวันสุดท้าย ยังไงขอให้ทุกคนสนุกกับการใช้ชีวิตเน้อ ภาพปกทำโดย Canva ถ่ายจากหนังสือผู้เขียนเองจ้า ภาพประกอบ ภาพประกอบ 1 ถ่ายโดย จาก Possessed Photography จาก Unsplash ภาพประกอบ 2 ถ่ายโดย Micah & Sammie Chaffin จาก Unsplash ภาพประกอบ 3 ถ่ายโดย Noah Näf จาก Unsplash ภาพประกอบ 4 ถ่ายโดย Fahim Junaid จาก Unsplash ภาพประกอบ 5 ถ่ายโดย Etienne Boulanger จาก Unsplash ภาพประกอบ 6 ถ่ายโดย Kelly Sikkema จาก Unsplash ช่องทางการติดตามของผู้เขียน Facebook: AmmarinJ Twitter (X): @AmmarinJ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !