สหภาพยุโรปเล็งคว่ำบาตรอิสราเอลรอบใหม่ อาจระงับข้อตกลงทางการค้า

พอลล่า ปินโญ่ โฆษกหญิงของคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยเมื่อวานนี้ (16 กันยายน) ว่า คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมลงมติเห็นชอบชุดมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิสราเอลในวันนี้ อันเนื่องมาจากสงครามในฉนวนกาซา โดยเฉพาะข้อเสนอในการระงับบางบทบัญญัติทางการค้าในข้อตกลงระหว่างสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) กับอิสราเอล

ก่อนหน้านี้ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คณะกรรมาธิการยุโรปจะเสนอคว่ำบาตรต่อรัฐมนตรีฝ่ายขวาจัดของอิสราเอล และระงับบางส่วนของข้อตกลงสมาคม (Association Agreement) ระหว่างสหภาพยุโรปกับอิสราเอล โดยมุ่งเน้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้า

ในการกล่าวแถลงนโยบายต่อรัฐสภายุโรปที่เมืองสตราสบูร์ก ฟอน แดร์ ไลเอิน ยังกล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการจะระงับการสนับสนุนทวิภาคีกับรัฐบาลอิสราเอล แต่จะยังคงทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมของอิสราเอล และยาด วาเชม ซึ่งเป็นศูนย์อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของอิสราเอล 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเคยเสนอให้จำกัดสิทธิ์ของอิสราเอลในการเข้าถึงโครงการวิจัยสำคัญของอียู แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการสนับสนุนเพียงพอจากประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตาม ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า คณะกรรมาธิการจะดำเนินการเท่าที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอฉันทามติจากประเทศสมาชิก

ด้านวอลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวกับนักข่าวที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการภาคพื้นดินในเมืองกาซา ซิตี้ทันที หลังเริ่มการโจมตีเมื่อวานนี้ (อังคาร) โดยระบุว่ามีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมสงคราม, การก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาจรวมถึงความผิดที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้น

เติร์ก กล่าวว่า เขานึกถึงผู้หญิง, เด็กที่ขาดสารอาหาร และคนพิการ ว่าการโจมตีเช่นนี้จะส่งผลต่อพวกเขาอย่างไร และต้องพูดว่า คำตอบเดียวที่เหมาะสมต่อเรื่องนี้คือ: หยุดการสังหารหมู่

ในวันเดียวกัน คณะกรรมการสอบสวนของสหประชาชาติ (UN Commission of Inquiry) ได้สรุปว่า อิสราเอลได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) ในฉนวนกาซา และว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล รวมถึงนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีส่วนยุยงให้เกิดการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่อิสราเอลเรียกว่า “เป็นเรื่องอื้อฉาว” แม้ว่าเติร์กยังไม่ได้ใช้คำว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" โดยตรง แต่ก็เผชิญแรงกดดันให้ใช้คำนั้นมากขึ้น

เมื่อถูกถามว่าเขาจะพิจารณาใช้คำนั้นเพื่อระบุถึงการกระทำของอิสราเอลในฉนวนกาซาหรือไม่ เติร์กตอบว่า “เรากำลังเห็นการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติเกิดขึ้นต่อเนื่อง และอาจมีสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นด้วย แน่นอนว่าการจะเรียกว่า ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ หรือไม่นั้น ต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน แต่เรากำลังเห็นหลักฐานมากขึ้นเรื่อย ๆ”

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ กล่าวว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในฉนวนกาซานั้น “เลวร้ายอย่างยิ่ง” และสงครามในดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ “ไม่อาจยอมรับได้ทั้งในเชิงศีลธรรม การเมือง และกฎหมาย”

กูเตอร์เรสยังกล่าวอีกว่า เขาพร้อมที่จะพบปะกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในสัปดาห์หน้า หากมีการร้องขอ

ขณะที่ ชาวอิสราเอลออกมาปฏิเสธข้อสรุปของคณะกรรมการสอบสวนขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งระบุว่า อิสราเอลได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และผู้นำระดับสูงของอิสราเอล รวมถึงนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีส่วนในการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการกระทำดังกล่าว

เมย์ทาฟ เลวี ชาวอิสราเอลวัย 19 ปี กล่าวว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นในกาซาตอนนี้ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่มีใครพยายามกำจัดชาวปาเลสไตน์ เรากำลังพยายามกำจัดฮามาสต่างหาก" พร้อมเสริมว่า "เรารู้ว่าอะไรคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะเราเคยเห็นมันมาแล้วกับชาวยิวในช่วงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซี (Holocaust)"

กระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลประณามรายงานฉบับนี้ โดยระบุว่า “อาศัยข้อมูลเท็จของฮามาสที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นเท็จ และนำมาเผยแพร่ซ้ำอีกครั้งโดยผู้อื่น” พร้อมกล่าวหาว่า “ตรงกันข้ามกับสิ่งที่รายงานกล่าว ฮามาสต่างหากที่พยายามก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในอิสราเอล โดยได้สังหารประชาชนไป 1,200 คน ข่มขืนผู้หญิง และเผาครอบครัวทั้งเป็น”

เอเดน บาร์ ทาล อธิบดีกรมการต่างประเทศของอิสราเอล กล่าวว่า รายงานดังกล่าวคือ “เสียงสะท้อนของโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มจิฮาด” พร้อมเสริมว่า “รายงานนี้คือสิ่งที่ฮามาสอยากให้ทุกคนเชื่อ และมันเป็นเรื่องโกหกโดยสิ้นเชิง”