“ประเทศเซนต์คิตส์แอนด์เนวิส” ชื่อนี้น่าจะไม่ค่อยเป็นที่คุ้นชื่อเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก ที่ถือได้ว่าเล็กที่สุดในซีกโลกตะวันตก เมื่อนับจากจำนวนประชากรและขนาดพื้นที่ของประเทศ ที่มีขนาดเพียง 261 ตารางกิโลเมตร แต่รู้หรือไม่ ? ว่าหมู่เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ มีการทำรายได้จากการซื้อขายสัญชาติ และถือได้ว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุน อีกประเทศหนึ่ง ของคาบสมุทรแคริบเบียน แล้ว “ประเทศเซนต์คิตส์แอนด์เนวิส” มีความเป็นมาอย่างไร ?เหตุใด ? ถึงเป็นที่น่าจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก เรามาทำความรู้จักกับหมู่เกาะแห่งนี้กันดีกว่า.. Credit Picture: Link ว่ากันว่าประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานพอสมควร มีการคาดการณ์ว่า 3,000 ปีก่อน มีชนกลุ่มแรกที่เข้ามาในหมู่เกาะ ก่อนที่จะมีชาวโบฮิเมียนอพยพตามมาในช่วงคริสต์ศักราชที่ 800 กระทั่งคริสต์ศักราชที่ 1300 ถึงมีการรุกรานจากชาวคาลินาโกจนสงครามสิ้นสุด ชาวคาลินาโก เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะและได้ตั้งชื่อให้กับเกาะแห่งนี้ว่า “เลียมุยกา” ในเวลาต่อมาอังกฤษได้เข้ายึดครองเกาะ ในคริสต์ศักราช 1623 2 ปีต่อมา พื้นที่บางส่วนได้ถูกยึดไปอยู่ในครอบครองของฝรั่งเศสก่อนที่ทั้งสองชาติผู้ล่าอาณานิคมได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวคาลินาโกพื้นเมือง จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ส่วนผู้หญิงหน้าตาดี ก็จะถูกจับไปเป็นทาสปัจจุบัน..ประเทศหมูเกาะแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เซนต์คิตส์แอนด์เนวิส” และยังคงเป็นหนึ่งใน สมาชิกของเครือจักรภพสำหรับการปกครอง มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีคณะรัฐมนตรีมีนายกและผู้นำรัฐบาลเช่นเดียวกับชาติทั่ว ๆ ไปซึ่งนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ คือ “ดร.เด็นซิล ดักลาส” ที่รับตำแหน่งมาตั้งแต่ กรกฎาคม ปี 2538 Credit Picture: Link มาในด้านเศรษฐกิจกันบ้างประเทศนี้มีรายได้หลัก ๆ มากจาก การท่องเที่ยวและผลิตน้ำตาล โดยไร่อ้อย ถือได้ว่าเป็นมูลค่าอันมหาศาลที่คอยดูแลประชากรของประเทศ แม้ไร่กสิกรรมเหล่านั้นจะสร้างรายได้ให้กับชาติ แต่ก็ประสบกับวาตภัยบ่อยครั้งอยู่บ้าง และเศรษฐกิจของประเทศก็ยังถือได้ว่า มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะมีรายได้หลักมาจากอีกช่องทางคือ “การขายสัญชาติ” เมื่อฟังดูอาจจะแปลกไปนิด ๆ แต่สัญชาติเซนต์คิตส์แอนด์เนวิส มีอะไรที่น่าจับตามองมากกว่านั้นดังที่ได้กล่าวมา ประเทศสองหมู่เกาะแห่งนี้ ประสบกับภัยธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง เป็นเหตุให้ไร่กสิกรรมที่เคยเป็นรายได้หลักในอดีตนั้นถูกทำลาย จึงทำให้ รัฐบาลมีความคิดริ่เริ่มจับมือกับบริษัททางกฎหมาย หาช่องทางที่จะทำการขาย “สัญชาติ”ซึ่งปัจจุบันนี้ พาสปอร์ตสัญชาติเซนต์คิตส์แอนด์เนวิสได้แบ่งออกเป็น 2 แพคเกจ คือ การบริจาคเงินขั้นตำ่ 2.5 แสนเหรียญ และลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศโดยการซื้อที่พำนัก เป็นเงิน 4 แสนเหรียญ แต่ก่อนที่จะซื้อขายแพ็คเกจสัญชาติก็ต้องมีการสืบถึงเบื้องลึกเบื้องหลังก่อนว่า จะไม่ทำให้สัญชาตินี้ต้องป่นเปื้อน สำหรับ สิทธิที่จะได้รับก็คือการเดินทางเข้าประเทศ โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยาก และยังสามารถเดินทางเข้าออกได้อีกหลาย ๆ ประเทศในข้อตกลงของเซนต์คิตส์แอนด์เนวิส Credit Picture: Link ด้วยเหตุนี้ หมู่เกาะที่เต็มไปด้วย ความสวยงามชายฝั่งแคริบเบียน จึงเป็นอีกช่องทางให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในกิจการบางส่วนได้ ซึ่งหลัก ๆ แล้ว จะเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นอีกปลายทางให้ผู้ที่เข้าไปพำนักถือสัญชาติสำรอง ไว้สำหรับต้องการย้ายถิ่นฐานอย่างไรก็ตาม..อุตสาหกรรมค้าสัญชาติ ของสองหมู่เกาะสองชื่อ ที่ได้สร้างกำไรให้กับประเทศเป็นกอบเป็นกำ มีเงินหมุนเวียนในประเทศเล็ก ๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ถึงกระนั้น..อุตสาหกรรมนี้ ยังถูกมองเป็นดาบสองคม ซึ่งถ้านโยบายของผู้บริหารประเทศยังไม่รัดกุม อาจทำให้โปรเจคค้าสัญชาติล่มสลายไปจนไม่ได้รับความนิยม นอกจากประเทศหมู่เกาะแห่งนี้แล้ว ยังมีอีกหลาย ๆ ประเทศ ที่มีการค้าสัญชาติในลักษณะเดียวกัน ซึ่งสิทธิประโยชน์ของประเทศต่าง ๆ เหล่านั้นก็ล้วนแตกต่างกันไปตามจุดขาย ของแต่ละประเทศ. _________________________________Swivel คอนเทนท์ยุคใหม่เชิงสร้างสรรค์ ที่นำเสนอในทุกแรงบันดาลใจ Follow Us On “Facebook”Follow Us On “Instragram” Follow Us On “Line” Copyright By Swivel*บทความนี้ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Swivel On Blockdit จริง