อังกฤษจับมือญี่ปุ่น ทำดีลการค้ารับ"เบร็กซิท"

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษ ลงนามในความตกลงทางการค้าฉบับแรกของอังกฤษหลังแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ร่วมกับนายโทชิมิตสึ โมเตกี รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ในพิธีลงนามที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเจรจากันผ่านระบบวิดีโอคอลล์ และบรรลุข้อตกลงในหลักการซึ่งกันและกันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ความตกลงการค้าดังกล่าวครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ อาหาร และเทคโนโลยี เนื้อหาเกือบทั้งหมดเป็นการลอกแบบมาจากความตกลงทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรป กับญี่ปุ่น ที่บังคับใช้กันอยู่ในเวลานี้

นางทรัสส์ ออกแถลงการณ์ระบุตอนหนึ่งว่า การลงนามใน “ความตกลงการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงระหว่างอังกฤษ-ญี่ปุ่น” ครั้งนี้ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญสำหรับอังกฤษ ถือเป็นการกระชับสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างประเทศที่ยึดถือประชาธิปไตย เป็นพันธมิตรและเป็นผู้ลงทุนรายสำคัญ “ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้ภายใต้สหภาพยุโรป” ทั้งระบุว่า ถือเป็นการนำเอาชาติที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าสองชาติเข้ามาร่วมมือกัน พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า ความตกลงนี้จะเพิ่มพูนมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศขึ้นจาก 30,000 ล้านปอนด์ (ราว 1.23 ล้านล้านบาท) ขึ้นไปอีก 15,200 ล้านปอนด์ เป็นมากกว่า 45,200 ล้านปอนด์ หรือกว่า 1.85 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ความตกลงการค้าครั้งนี้ได้รับความสำคัญและชื่นชมสูงมากจากรัฐบาลอังกฤษ ที่ใช้ความตกลงนี้เป็นเครื่องส่งสัญญาณไปยังกลุ่มต่อต้านเบร็กซิทในประเทศว่า ความตกลงทางการค้าแบบเดียวกันนี้สามารถบรรลุได้ไม่ว่ากับประเทศไหนหลังเบร็กซิท ทั้งนี้ ความตกลงครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2564 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม รัฐสภาญี่ปุ่นยังจำเป็นต้องมีมติให้สัตตยาบันต่อความตกลงนี้ก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ตามเวลาที่ต้องการ