สธ.ตั้งเป้าสิ้นปี'64 วัคซีนเข็มแรกต้องถึง 85% ครอบคลุม 72 ล้านคน กลุ่มฉีดสูตรไขว้บูสต์ไฟเซอร์

วันนี้ (18 ต.ค.2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ ผู้บริหาร สธ. กับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ถึงแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า เป้าหมายการฉีดวัคซีนในไทย คือสิ้นเดือนธันวาคม 2564 จะมีประชากรที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งรวมทั้งคนไทยและคนต่างชาติได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 85 หรือประมาณ 72 ล้านคน เข็มที่ 2 ร้อยละ 75 ซึ่งขณะนี้มีการทยอยจัดส่งวัคซีนลงไปในพื้นที่ต่อเนื่อง โดยกระจายตามเป้าหมายของจังหวัดเป็นหลัก

“เช่น จังหวัดหนึ่งตั้งเป้าฉีดให้ได้ ร้อยละ 50 ขณะนี้ฉีดได้ ร้อยละ 40 เหลืออีก ร้อยละ 10 ก็จะส่งที่เหลือให้ แล้วท่านก็หารือกันในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายการฉีดด้วย ซึ่งยังเน้น 608 หากวัคซีนส่งไปแล้วยังไม่พอก็ให้แจ้งกลับมาเพื่อส่งลงไปเพิ่ม” นพ.โอภาส กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสูตรการฉีดนั้น ในส่วนของสูตรไขว้ของไทย ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์ว่า เป็นสูตรที่ดีมีการปูพื้น และฉีดกระตุ้น โดยสูตรหลักซิโนแวคเข็มที่ 1 แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ส่งซิโนแวคครบทั้งหมด ก็จะฉีดให้จบในเดือนนี้ หลังจากนี้ไปจะเป็นสูตรแอสตร้าฯ และไฟเซอร์ โดยจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ส่วนการฉีดกระตุ้นนั้น พร้อมแล้ว โดยสามารถดำเนินการได้ทันที โดยในภาพรวม หากฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม จะบูสเตอร์โดส ด้วยแอสตร้าฯ ส่วนถ้าเข็มที่ 1 เป็นเชื้อตาย เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าฯ เข็มที่ 3 จะฉีดด้วยไฟเซอร์

“ส่วนปีหน้า จะมีการจัดหาวัคซีนชนิดอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนนั้น เรามีการฉีดมากกว่า 65 ล้านโดส เสียชีวิตที่พิสูจน์ว่าเกิดจากวัคซีนจริงๆ มี 1 ราย ถือว่าอยู่ในอัตราต่ำ ถือว่าดีกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำ ส่วนข่าวที่ออกมานั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่เกิดจากวัคซีน ส่วนการฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 2 ในเด็กนักเรียนชาย ซึ่งยังมีข้อกังวลเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบนั้น ก็ต้องเฝ้าระวัง และจะมีการหารือกันในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตาม จากการฉีดเข็มที่ 1 พบเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบบ้าง แต่หายได้เอง