(https://thaipolitictionary.wordpress.com) การล่าแม่มด (Witch-hunt) เป็นคำที่ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์หนึ่งในยุคกลาง เหตุการณ์การไล่ล่าผู้คนไม่ว่าหญิงหรือชายหากถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด สิ่งที่จะได้รับต่อมาคือความตายสถานเดียว ไม่ว่าเป็นการถูกแขวนคอ หรือถ่วงน้ำก็ตาม เพียงเพราะทุกคนเชื่อว่าสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นมา ล้วนเกิดเพราะแม่มด การล่าจึงเป็นการทำให้ทุกคนเกิดความสบายใจเพียงเท่านั้น ถึงแม้ผู้คนบริสุทธิ์จะตายมากแค่ไหนก็ตาม ถึงแม้การล่าแม่มดจะหมดไปแล้ว แต่ตอนนี้มันก็กลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ทุกคนรู้จักดีคือ cyber bully (https://darkbooks.org/pp.php?v=210114408) ในยุคกลางนั้น แม่มดเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ซึ่งการล่าแม่มดเกิดขึ้นในยุโรป ช่วงปี 1450-1750 มีผู้คนเสียชีวิตจากเป็นแพะรับบาปถึง 35,000 คน โดยจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มดเกิดขึ้นจากความต้องการของศริสตจักร ที่ต้องการกำจัดลัทธิความเชื่อนอกรีตต่างๆ จึงทำให้ในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1484 โปปอินโนเซนต์ที่ 8 โดยจาคอบ สเปรนเกอร์ และ ไฮน์ริช เครเมอร์ ชายสองคนนี้ได้ทำหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาชื่อ ค้อนแห่งแม่มด (The Hammer of Witches) มันคือหนังสือคู่มือการล่าแม่มด ยาว 200,000 คำ ตีพิมพ์เอกสารความเชื่อนี้ 28 ครั้ง ซึ่งกล่าวกันว่าคู่มือการล่าแม่มด เล่มนี้เป็น “หนังสือที่ชั่วร้ายที่สุด และอันตรายที่สุดในบรรดาหนังสือทุกเล่มที่มีอยู่บนโลก” นานาประเทศในยุโรปได้ยึดเอาหนังสือเล่มนี้ประดุจคัมภีร์ในการกำจัดแม่มดเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปี (ng-issues-thttps://www.metroparent.com/daily/parenting/parentiips/...) cyber bully (การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์) เปรียบได้กับการล่าแม่มดในยุคปัจจุบัน ในเมื่อปัจจุบันมีกฎหมายการล่าแม่มดจึงไม่เกิด แต่หากในอินเตอร์เน็ตกฎหมายไม่แน่นหนาการล่าแม่มดก็ยังคงอยู่ โดยแอพโซเชียลที่เราใช้เห็นได้ชัดเจนที่สุด การวิจารณ์การกระทำของผู้อื่นสิ่งเหล่านั้นจะมีขอบเขตจองตัวมันเอง แต่หากล้ำขอบเขตนั้นไปก็จะเป็นการระรานชีวิตของคนอื่น เปรียบได้กับการล่าแม่มดในยุคกลาง การแชร์ หรือ การเผยแพร่ความผิดนั้นจนเกินขอบเขต การแสดงความเห็นที่รุนแรงจนกระทบจิตใจ เปรียบได้เสมือนการแขวนคอแม่มด เพื่อให้ตัวเองสบายใจ และได้ตามกระแสการวิจารณ์ที่ไม่สมควร ผลกระทบอาจไม่เกิดขึ้นทันที แต่จะเกิดขึ้นสะสมทีละนิดกับผู้ที่ถูกแขวนคออย่างแน่นอน และจะเกิดผลร้ายแรงขึ้นตามมา ถึงแม้จะมีการช่วยกันรณรงค์การหยุด cyber bully แล้วก็ตาม แต่ปัญหาก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อไป การล่าแม่มดกับ cyber bully เปรียบเหมือนกระจกที่สะท้อนกัน ถึงแม้การใช้ความรุนแรงจะหมดไป แต่ผลกระทบทางจิตใจยังคงอยู่ สิ่งเหล่านี้คอยกัดกินจิตใจผู้คน กัดกร่อนสังคมไทย ถึงแม้จะลดลงแล้วก็ตาม แต่หากผู้คนยังถูกชักจูงไปตามกระแสของการวิจารณ์อยู่ การล่าแม่มดก็ยังอยู่ต่อไป