รีเซต

ศบค.แจง เลิกพรก.ฉุกเฉิน อ้างโควิดเบาลง ด้านจุลพันธ์เย้ย แค่อายต่างชาติ จะจัดเอเปค

ศบค.แจง เลิกพรก.ฉุกเฉิน อ้างโควิดเบาลง ด้านจุลพันธ์เย้ย แค่อายต่างชาติ จะจัดเอเปค
มติชน
19 สิงหาคม 2565 ( 10:56 )
70
ศบค.แจง เลิกพรก.ฉุกเฉิน อ้างโควิดเบาลง ด้านจุลพันธ์เย้ย แค่อายต่างชาติ จะจัดเอเปค

“หมออุดม” เผย จ่อยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 1 ต.ค.นี้ เตรียมใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ แทน เผย ศบค.หายไปตาม กม. แนะ ปชช.ไม่ติดโควิดดีที่สุด

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวก่อนการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ถึงการพิจารณาให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง จะต้องยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในวันที่ 1 ตุลาคม ด้วยหรือไม่ ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยกเลิกแน่นอน โดยเบื้องต้นเรื่องนี้ได้มีการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.ก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเบาลง และหากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ศบค.ก็ต้องหายไปด้วยตามกฎหมาย ส่วนการควบคุมดูแลอาจนนำ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อกลับมาปัดฝุ่นใช้ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็ง โดยจะตั้งให้มีหน่วยงานคล้ายกับ ศบค. เพื่อช่วยประสานงาน โดยอาจมีการปรับมาเป็นรูปแบบของคณะกรรมการร่วม โดยข้อสรุปจะหารือในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ก่อนที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน อีกครั้ง แต่แนวโน้มคงจะยกเลิก ด้วยสถานการณ์ต่างๆในประเทศและการเดินหน้าของเศรษฐกิจ

นพ.อุดม กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อมีคนไข้ในระบบประมาณ 2,000 คน และคนไข้ที่ตรวจพบจาก เอทีเค อยู่ในระบบวันละประมาณ 30,000 คน และนอกระบบ 1-2 เท่าต่อวัน โดยภาพรวมผู้ติดเชื้อวันละประมาณ 6-7 หมื่นคน ซึ้งตัวเลขคงที่มาประมาณเกือบเดือน จึงคาดการณ์ว่าสถานการณ์อาจจะคงอยู่อีก 1 เดือน และหลังวันที่ 1 ตุลาคม น่าจะเริ่มลดลง และคนไข้ที่เข้าโรงพยาบาลน่าจะต่ำกว่า 1,000 คนต่อวัน ถ้าเป็นตัวเลขนี้จะเสียชีวิตประมาณวันละ 10 คน เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ที่จะกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ส่วนการจะเป็นโรคประจำถิ่นจะดูไปอีกสักระยะ

นพ.อุดม กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้จะพิจารณากรอบนโยบายและแผนดำเนินงานช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่โรคประจำถิ่น เริ่มตั้งแต่เดือน กันยายน-ตุลาคม เป็นต้นไป สิ่งที่ต้องทำ 2 เรื่องใหญ่ คือเตรียมการให้คนไข้เข้าถึงบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเวลานี้ยังมีเสียงบ่นจากคนไข้ในการพบหมอและรับยา ขอยืนยันว่าเรื่องยาไม่ต้องกังวลยังมีเหลือเพียงพอ ทั้งฟาวิพิราเวียร์ และโมลนูพิราเวียร์ แต่ปัญหาคือเรื่องบริหารจัดการบางที่คนไข้มากน้อยต่างกัน และจากนี้จะให้คนไข้รับยาที่ร้านยาในเครือข่ายได้อีกทางหนึ่ง และขณะนี้ 3 กองทุนหลักร่วมเอกชนจัดทำ 3 แอปพลิเคชัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงในกรณีติดเชื้อได้ครอบคลุมทั้งประเทศ คนไข้สามารถเจอแพทย์และรับยาโดยมีบริการส่งถึงบ้านให้เกิดความสะดวก และเรื่องที่ 2 คือวัคซีนที่ต้องทำความเข้าใจว่ายังต้องฉีดเข็ม 3 และเข็ม 4 เพราะเชื้อ BA.4 และ BA.5 ยังมีความรุนแรง แต่วัคซีนทำให้เกิดภูมิ ดังนั้นควรฉีดเข็มกระตุ้น และขอย้ำว่าไม่ติดดีที่สุด เพราะการติดยังสามารถตายได้ถ้ามีความเสี่ยงและจะมีอาการลองโควิด ซึ่งที่เสียชีวิตปัจจุบัน 60 เปอร์เซ็นต์ไม่ฉีดวัคซีน ส่วนเข็ม 5-6 ขอให้บุคคลากรทางการแพทย์เพราะเป็นบุคคลากรด่านหน้า บุคคลทั่วไปยังไม่แนะนำ ทั้งนี้ขอย้ำว่าประชาชนยังต้องป้องกันตัวเอง โดยการสวมหน้ากากอนามัยยังจำเป็นที่สุด ล้างมือให้บ่อยและเว้นระยะห่าง รวมถึงการปฏิบัติตัวป้องกันโรคแบบครอบจักรวาล

ด้าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ทวิตข้อความแสดงความเห็นเรื่องนี้ ระบุว่า

“นายกเห็นชอบ ยกเลิกศบค.และ พรก.ฉุกเฉิน เตรียมใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อแทน คงจะอับอายผู้นำต่างชาติ เพราะเตรียมเข้าสู่งาน APEC”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง