พ่อรวยเล่าเรื่อง เกมการเงินของคนรวย กฎการเงินใหม่ 8 ประการ (Rich dad's Conspiracy of the rich The 8 new rules of money) เป็นหนังสือชุดพิเศษของ Robert T. Kiyosaki ที่พยายามเปิดโปงเกมการเงินของคนรวย โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐฯที่ทำให้การเงินโลกวุ่นวายจนยากจะแก้ปัญหา สิ่งนี้ทำให้ประชาชนที่ไม่เข้าใจกลไกซับซ้อนไม่ได้ออกมาเรียกร้องแต่อย่างใด ที่ตลกร้ายก็คือมันส่งผลกระทบกับประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งถือเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่พวกรัฐบาลและชนชั้น Elite มักอยู่รอดทุกครั้งไป เราในฐานะประชาชนจึงต้องเรียนรู้ที่จะหาโอกาสจากวิกฤตินั้น แต่นี่ไม่ใช่หนังสือที่บอกคำตอบสำเร็จรูป แต่เน้นเรื่องของวิธีคิดและบริบทของอเมริกาในปี 2008-2010 เพื่อเป็นกรณีศึกษากับการใช้ชีวิตในยุคต่อไป เรียบเรียงโดย จักรพงษ์ เมษพันธุ์, เกียรติศักดิ์ ลีลาวโรภาส และพงษ์พันธ์ วงศ์หนองเตย ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.องค์ประกอบสำคัญของการลงทุนที่ดี ได้แก่ หุ้นส่วน โครงสร้างทางการเงิน และการบริหารจัดการ 2.มีคนน้อยมากที่รู้จักว่าอนุพันธ์นี้คืออะไร เพื่อให้ง่าย จะอธิบายอนุพันธ์นี้โดยเปรียบเทียบกับตัวอย่างของผลส้มและน้ำส้ม น้ำส้มก็คืออนุพันธ์ของผลส้ม หรือน้ำมันเบนซินคืออนุพันธ์ของน้ำมันดิบ หรือไข่ไก่คืออนุพันธ์ของไก่ พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าคุณซื้อบ้าน การจดจํานองก็คือ อนุพันธ์ของบ้านคุณ 3.อนุพันธ์หลายชนิดนี้มีความใกล้เคียงกับการจัดโครงเป็นอย่างมาก มันไม่แตกต่างอะไรกับการที่ใครสักคนใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อของชำระหนี้บัตรเครดิตอีกในหนึ่ง จากนั้นก็รีไฟแนนซ์บ้านของพวกเขาด้วยการจัดบ้านใหม่ แล้วนำเงินที่ได้มาใช้หนี้บัตรเครดิตอีกทีหนึ่ง อนุพันธ์บางชนิดก็มีลักษณะคล้ายกับการออกหลักทรัพย์ใหม่โดยที่หลักทรัพย์เดิมทั้งหมดนั้นถูกนำไปค้ำประกัน ตัวอย่าง เช่น บริษัทหนึ่งออกหุ้นกู้แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อหุ้นกู้ของบริษัทอื่น แล้วนำหุ้นกู้ของบริษัทอื่นนั้นมาค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัทตนเอง เช่นเดียวกับตราสารอนุพันธ์ที่มีการอ้างอิงหลักทรัพย์หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต เงิน ตราสารหนี้ที่มีหลักค้ำประกัน พันธบัตรและการจดจำนอง หนี้เหล่านี้แต่เป็นอนุพันธ์ทั้งสิ้น เพียงแต่มีชื่อเรียกต่างกันเท่านั้นเอง 4."ประชาชนจำนวนมากไม่รู้และไม่เข้าใจว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ นั้นไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐบาล ไม่มีเงินสำรองใดๆ และไม่ได้เป็นธนาคารตามชื่อเรียกของมัน หากแต่เป็นกิจการร่วมกันของกลุ่มคนที่มีอิทธิพลทางการเงินของโลก โดยรวมๆ แล้วการตั้งธนาคารสหรัฐฯ ขึ้นมานี้ ก็มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ต้องการที่จะพิมพ์เงินให้อย่างถูกตามกฎหมายเท่านั้นเอง" อีกเหตุผลหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ถูกสร้างขึ้นก็คือ เพื่อป้องธนาคารใหญ่ ๆ จากการขาดสภาพคล่อง หากธนาคารเหล่านี้เกิดมีปัญหาทางการเงินขึ้นมา ซึ่งมีแนวโน้มการป้องกันความมั่นคงของคนรวย ไม่ใช่ประชาชนผู้เสียภาษี 5.โดยภาพรวมของการเงินส่วนบุคคลนั้น มีปัจจัยสำคัญอยู่ 4 อย่างที่เป็นสาเหตุให้พวกเราต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่ยังต้องดิ้นรนหาเงินอยู่เหมือนเดิม ปัจจัยทั้งสี่นั้น ได้แก่ 1. ภาษี 2. หนี้ 3. เงินเฟ้อ 4. กองทุนเพื่อการเกษียณ 6.สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจก็คือ ทั้งภาษี หนี้ เงินเฟ้อ และกองทุนเพื่อการเกษียณจะยังคงอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีสิทธิ์ในการพิมพ์เงินเพิ่มได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในอดีตก่อนที่จะมีการก่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ ชาวอเมริกันเสียภาษีในอัตราที่ต่ำมาก เนื่องจากไม่มีทั้งหนี้ของประเทศและหนี้ส่วนบุคคล เงินเฟ้อก็อยู่ในอัตราที่ต่ำส่งผลให้ผู้คนไม่ต้องกังวลกับการเกษียณ เพราะว่าค่าเงินและเงินออมของ พวกเขายังคงมูลค่าของมันไว้ได้ 7.ระบบในโรงเรียนนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสอนให้เด็กๆ คิดเป็น และก็ไม่ได้พัฒนาให้สนับสนุนความคิดของปัจจุบันนี้ที่ว่าเราทุกคนเป็นอิสระได้ ความเป็นจริงแล้ว ระบบการศึกษาของโรงเรียนในปัจจุบันได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของรูปแบบปรัสเซียที่พัฒนาขึ้นเพื่อสอนให้เด็กเชื่อฟังคำสั่งและทำตามที่บอก ผู้ที่ทำตามและเชื่อฟังนั้นจะกลายเป็นลูกจ้างที่ทำงานให้กับคนรวย หรือทหารที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องความมั่งคั่งของคนรวย 8.ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นมีรูปแบบพื้นฐานอยู่ 2 รูปแบบคือ *เศรษฐกิจตกต่ำที่มีสาเหตุมาจาก ภาวะเงินฝืด (deflation) *เศรษฐกิจตกต่ำที่มีสาเหตุมาจาก ภาวะเงินเฟ้อ (inflation) เศรษฐกิจตกต่ำครั้งที่ผ่านมาของสหรัฐฯ มีสาเหตุมาจากเงินฝืด ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจตกต่ำครั้งล่าสุดของเยอรมนีมีสาเหตุมาจากเงินเฟ้อ 9.การให้เงินช่วยเหลือ มีไว้เฉพาะธนาคารขนาดใหญ่และนายธนาคารที่มีอำนาจทางการเมืองเท่านั้น และสำหรับธนาคารที่เลือกที่จะเสี่ยงสูงและมีโอกาสสูงที่จะเกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมากด้วย ธนาคารเหล่านี้ใหญ่เกินกว่าที่จะปล่อยให้ล้ม 10.มีคํากล่าวเก่าๆ ที่ว่า “อย่าถามหาตัวแทนขายประกันในเวลาที่คุณ ต้องการประกัน” คุณรู้อยู่แล้วว่าคําตอบจะเป็นอย่างไร มีสองเหตุผลที่ บรรดานักวางแผนการเงินแนะนําให้กระจายความเสี่ยงก็คือ เพราะพวกเขาสามารถขายตราสารทางการเงินให้คุณได้มากขึ้น และเพราะมันจะช่วยกระจายความเสี่ยงให้พวกเขาในกรณีที่พวกเขาทำผิดพลาด บ่อยครั้งที่พวก เขาไม่ได้ยึดถือประโยชน์สูงสุด ของคุณไว้ในหัวใจ 11.โดยพื้นฐานแล้ว มีการลงทุนอยู่ 4 ประเภท ได้แก่... 1.ธุรกิจ คนรวยมักเป็นเจ้าของธุรกิจที่ให้รายได้จากทรัพย์สิน ขณะที่คนทั่วไปอาจมีงานหลายงานที่ให้รายได้จากการทำงาน 2. อสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนเพื่อสร้างรายได้ ทรัพย์สินเหล่านี้สร้างรายได้ทุกๆ เดือนในรูปของค่าเช่า เราไม่นับบ้านหรือบ้านพักตากอากาศของคุณเป็นทรัพย์สินประเภทนี้ แม้ว่านักวางแผนการเงินจะบอกว่าเป็นทรัพย์สินของคุณก็ตาม 3. ตราสารทางการเงิน – หุ้น พันธบัตร เงินฝากออมทรัพย์ เงินรายปี ประกัน และกองทุนรวม นักลงทุนปานกลางส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารทางการเงิน เพราะมันง่ายที่จะซื้อ อาศัยการจัดการเพียงเล็กน้อยและมีสภาพคล่องสูง นั่นหมายความว่ามันง่ายที่จะออกจากการลงทุนนี้ 4. สินค้าโภคภัณฑ์ – ทองคำ โลหะเงิน น้ำมัน แพลตินัม ฯลฯ นักลงทุนปานกลางส่วนใหญ่ไม่ทราบวิธีหรือสถานที่ที่จะซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในหลายกรณี พวกเขาไม่ทราบแม้กระทั่งวิธีหรือสถานที่ที่จะซื้อทองคำหรือโลหะเงิน นักลงทุนผู้ชาญฉลาดที่ลงทุนในทรัพย์สินทั้งสี่ประเภท นั่น คือการกระจายความเสี่ยงที่แท้จริง นักลงทุนปานกลางเชื่อว่าตัวเองมีการกระจายความเสี่ยงแล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ลงทุนเฉพาะประเภทที่ 3 คือตราสารทางการเงินซึ่งนั่น ไม่ใช่ การกระจายความเสี่ยง 12.คนที่จะประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ 3 ประเภทที่แตกต่างกัน ซึ่งประกอบไปด้วย 1. ความรู้ด้านการอ่านออกเขียนได้ คือการเรียนที่สอนให้เราเขียนได้ อ่านได้ ทำโจทย์คณิตศาสตร์ได้ 2. ความรู้ด้านอาชีพ คือความรู้ที่ใช้หาเงิน เช่น เป็นแพทย์ เป็นทนายความ 3. ความรู้ด้านการเงิน คือความรู้ที่ทำให้เราสามารถใช้เงินทำงานแทนเราได้ 13.เราอาจเคยเห็นภาพของครูฝึกทหารตะโกนใส่หน้าทหารใหม่ นั่นเป็นหนึ่งในวิธีการฝึกให้ทหารใหม่เรียนรู้ที่จะยอมรับเสียงสะท้อนจากความคิดของคนอื่น โลกแห่งความเป็นจริงก็คือกลไกของเสียงสะท้อน เวลาที่คุณขึ้นตาชั่งในห้องน้ำและพบว่าน้ำหนักคุณเพิ่มขึ้น 20 ปอนด์ นั่นคือเสียงสะท้อน เวลาที่คุณถูกไล่ออก เงินหมด หรือหย่าร้าง นั่นก็ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงสะท้อนทั้งสิ้น การยอมรับเสียงสะท้อนคือสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำ แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ ในโลกของธุรกิจ แรงงาน การเมือง และผู้นำทางการศึกษาต่างไม่เคยมีใครฟังและเรียนรู้จากเสียงสะท้อนจากทุกทิศทุกทาง หรืออาจฟัง แต่ไม่พยายามทำความเข้าใจ 14.เหตุผล 4 ข้อที่ไม่น่าร่วมเป็นหุ้นส่วนกับกองทุนรวม ก็คือ 1. โครงสร้างการเงินของกองทุนรวมนั้น เน้นหนักไปที่ผลประโยชน์ ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไม่ใช่เราในฐานะของหุ้นส่วน 2. ค่าใช้จ่ายของกองทุนรวมค่อนข้างสูง และมีหลายสิ่งที่ไม่เปิดเผย เราต้องใส่เงินของตัวเองไป 100 เปอร์เซ็นต์ แบกรับความเสี่ยงเอง ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอาผลกําไร 80 เปอร์เซ็นต์ไป อย่างนี้คงไม่ใช่หุ้นส่วนที่ดีแน่ๆ 3. เวลาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เราสามารถใช้เงินจากธนาคารต่างๆ ได้มากเท่าที่เราต้องการ ซึ่งนั่นทำให้ผมมีพลังทวีจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ มากกว่าการลงทุนในกองทุนรวม 4. มีโอกาสที่จะขาดทุนจากการลงทุนในกองทุนรวม แถมยังต้องเสียภาษีจากกําไรส่วนต่างที่ผมไม่ได้รับ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเลยเช่นกัน เครดิตภาพ ภาพปก โดย Pixabay จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Pixabay จาก pexels.com ภาพที่ 4 โดย cottonbro studio จาก pexels.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ FAKE การเงินลวงโลก โดย Robert T. Kiyosaki รีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ปลุกอัจฉริยภาพทางการเงิน (Rich dad Increase your financial IQ) รีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินของฉันหายไปไหน (Rich Dad's Who took my money ?) รีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก สอนลูกให้รวย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !