รีเซต

โควิด-19 : งานวันเกิดในบราซิลกลายเป็นจุดเริ่มต้นของงานศพคนครอบครัวหนึ่ง

โควิด-19 : งานวันเกิดในบราซิลกลายเป็นจุดเริ่มต้นของงานศพคนครอบครัวหนึ่ง
บีบีซี ไทย
17 เมษายน 2563 ( 13:26 )
180
4

Family album
มาเรีย (ซ้ายสุด) เสียชีวิตหลังร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของ เวียรา ลูเซีย (คนยืน)

 

ความสนุกสนานในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดกลับจบลงด้วยเรื่องที่น่าเศร้า มีการสันนิษฐานว่า งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของครอบครัวหนึ่งในประเทศบราซิล กลายเป็นต้นตอการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในหมู่สมาชิกของครอบครัว และสร้างบาดแผลในจิตใจของของเขาไปตลอดกาล

 

กรณีที่เกิดขึ้นส่งผลให้พี่น้อง 3 คนเสียชีวิต และทำให้อีก 10 คนล้มป่วยภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์เศษ หลังจากไปร่วมงานสังสรรค์ดังกล่าว

ทางการบราซิล ยืนยันว่า ผู้ตายอย่างน้อยหนึ่งคน เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

 

แผนงานปาร์ตี้

งานเลี้ยงดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ในนครเซาเปาโล ขณะนั้นมีข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขบราซิลว่ามีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศจำนวน 98 คน และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยผู้ติดเชื้อเกือบ 60 คน อยู่ในนครเซาเปาโล ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีปะชากรหนาแน่นที่สุดในโลก คือกว่า 21 ล้านคน 3 สัปดาห์ต่อมา คือวันที่ 8 เม.ย. ตัวเลขผู้ติดเชื้อในบราซิลพุ่งทะลุ 16,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 800 คน

 

Getty Images
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในบราซิลพุ่งจากไม่ถึง 100 คน ไปเป็น 16,000 คนภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน

ตอนที่จัดงาน เวียรา ลูเซีย ทราบว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ระบาดไปถึงบราซิลแล้ว และกำลังลุกลามไปในหลายพื้นที่ อันที่จริงเธอคิดที่จะยกเลิกแผนการจัดงานวันเกิดอายุครบ 59 ปีของเธอ

"เราไม่ค่อยแน่ใจ" เธอเล่าให้ทีมข่าวบีบีซีฟัง "แต่ก็ตัดสินใจจัดงานตามแผนที่วางไว้"

"ตอนนั้นยังมีผู้ติดเชื้อในประเทศไม่มาก" และยังไม่มีการสั่งปิดเมือง"

 

คนไปร่วมงาน 28 คน

งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ เวียรา ลูเซีย จัดขึ้นที่สวนหลังบ้านของเธอโดยมีญาติพี่น้องไปร่วมงานกัน 28 คน

 

Family album
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ เวียรา ลูเซีย มีญาติพี่น้องมาร่วมงานกัน 28 คน

แขกในงานรวมถึงพี่น้องของ เปาโล วิเอรา สามีของเธอ

ทั้งเปาโล, โคลวิส และมาเรีย น้องชายกับน้องสาวของเขา ต่างสนุกไปกับงาน โดยที่ไม่ล่วงรู้เลยว่าโรคโควิด-19 จะคร่าชีวิตของพวกเขาทั้งสามคน ในงานยังมีน้องสาวของเวียรา ลูเซีย รวมถึงหลานชายและหลานสาวของเธอ หลังร่วมงานเลี้ยงเพียงไม่กี่วัน ราวครึ่งหนึ่งของแขกในงานเริ่มมีอาการไอ ไข้สูง และหายใจลำบาก ซึ่งล้วนเป็นอาการของโรคโควิด-19 ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง และไม่ต้องไปหาหมอ

 

"โรคที่ร้ายกาจ"

แต่สามีของเวียรา ลูเซีย และน้องทั้งสองคนของเขาได้เสียชีวิตลงภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. ทางการยืนยันว่า มาเรีย เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ราฟาเอลา ลูกสาวของมาเรีย ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า "ตอนนี้เราแน่ใจแล้วว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คือสาเหตุการเสียชีวิตของแม่ฉัน" มาเรีย มีเบาหวานเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว และอาการของเธอก็ทรุดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน ตอนนี้ครอบครัวกำลังรอผลการชันสูตรศพของเปาโลและโคลวิส เวียราบอกว่า "หมอเจ้าของไข้บอกว่าพวกเขามั่นใจ 99% ว่ามันคือโรคโควิด-19"

 

ลูกชายผู้รอดชีวิต

ทั้งเวียรา ลูเซีย และลูกชายของเธอต่างล้มป่วยเช่นกัน แต่หายป่วยมาได้ "อาการทางกายของฉันดีขึ้นแล้ว แค่ไอเล็กน้อย แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก" เวียรา ลูเซีย เล่า "เราใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวอยู่หลายวัน"

 

Family album
เปาโลและเวียรา ลูเซีย กับลูกชายของพวกเขา

ไม่อยากเชื่อ

ตอนแรก สมาชิกในครอบครัวไม่เชื่อว่าพวกเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ "ตอนนั้นมีผู้ติดเชื้อเพียงไม่กี่รายในบราซิล เราจึงคิดว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นเรื่องไกลตัว" สมาชิกที่รอดชีวิตคนหนึ่งกล่าว พวกเขาบอกว่าในงานเลี้ยงทุกคนดูมีสุขภาพแข็งแรงดี จึงทำให้ไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าใครคือผู้ติดเชื้อรายแรก "การค้นหาความจริงมันไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปสำหรับเราในตอนนี้" หลังจากมาเรียเสียชีวิต โคลวิส ซึ่งมีอายุ 62 ปี ก็มีอาการทรุดลง

 

Family album
โคลวิส (ซ้าย) ซึ่งมีอายุ 62 ปี ไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ ตอนที่เสียชีวิต

"3 วันหลังจากงานเลี้ยง พ่อของผมก็เริ่มไออย่างหนัก" อาเธอร์ ลูกชายของโคลวิส เล่าให้บีบีซีฟัง

"พ่อมีอาการปวดหัว และมีไข้สูง นอกจากนี้เขายังสูญเสียประสาทการรับกลิ่นและรับรสชาติ"

แม้โคลวิสจะไม่ได้มีโรคประจำตัวเหมือนมาเรีย แต่อาการป่วยของเขาก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกที

อาเธอร์พาพ่อของเขาส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มี.ค. แต่โรงพยาบาลบอกให้เขากลับบ้าน

"พวกหมอยังไม่คิดว่ามันคือเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่"

 

ไอซียู

หลังจากนั้นไม่นาน เปาโล สามีของเวียรา ลูเซีย ก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ใคร ๆ ก็คิดว่าเขาเป็นคนสุขภาพแข็งแรงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน เขาออกกำลังกายทุกวัน และมักเดินขึ้นเขาและปั่นจักรยานระยะทางไกล ๆ

ตอนที่เปาโลเข้าโรงพยาบาล แพทย์ประเมินว่าสุขภาพของเขาอยู่ในเกณฑ์ดี และเขาแค่บ่นว่ามีอาการหายใจลำบาก

"แต่ 2 วันต่อมา เขาก็ถูกย้ายตัวไปยังหอผู้ป่วยอาการวิกฤต (ไอซียู)" เวียรา ลูเซีย เล่า

 

Family album
อาเธอร์พาพ่อของเขาส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มี.ค. แต่โรงพยาบาลบอกให้เขากลับบ้าน เพราะหมอไม่คิดว่าเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

 

พิธีศพที่ถูกจำกัด

เช้าของวันที่ 1 เม.ย. มาเรีย มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย

โคลวิส เสียชีวิตในวันถัดมา และเปาโล ก็จากไปในคืนวันที่ 3 เม.ย. พวกเขาเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันตั้งแต่เกิดจนตาย

 

Family album
เวียรา ลูเซีย กับ เปาโล สามี

มาเรียและเปาโล ถูกฝังในโลงศพที่ถูกปิดตาย ตามคำแนะนำของสำนักงานเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขแห่งชาติของบราซิล เพราะเข้าข่ายการเสียชีวิตที่ต้องสงสัยหรือได้รับการยืนยันว่าเป็นโรคโควิด-19

ส่วนร่างของโคลวิส ใช้วิธีการเผา ตามความคำสั่งเสียของเจ้าตัว

งานศพของพี่น้องทั้งสามถูกจัดแยกกันต่างเวลาและต่างสถานที่

พิธีศพใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และมีการจำกัดจำนวนผู้ร่วมงานไว้ไม่เกิน 10 คน ตามแนวปฏิบัติของทางการ

 

การกักตัว

ผู้รอดชีวิตจากงานวันเกิดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ต่างต้องกักตัวเองในบ้าน

ส่วนคนที่ล้มป่วยแต่หายดีแล้ว ก็เลือกที่จะกักตัวเองเพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน

พวกเขาเรียกร้องให้ผู้คนมีความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อสู่กัน และให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน

ราฟาเอลา ผู้สูญเสีย มาเรีย ผู้เป็นแม่ให้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กล่าวว่า "มันไม่ใช่ไข้หวัด มันเป็นมหันตภัย มันเป็นไวรัสที่น่ากลัวและร้ายแรง"

 

"โบลโซนาโรพูดแต่เรื่องเหลวไหล"

ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำจากฝ่ายขวาจัดของบราซิล ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการแสดงพฤติกรรมที่ขัดต่อข้อแนะนำของรัฐบาลบราซิลที่ขอให้ประชาชนเว้นระยะห่างทางสังคม รวมทั้งยังแสดงความกังขาถึงความรุนแรงของโรคระบาดที่เกิดขึ้น โดยบอกว่ามันเป็นเพียงไข้หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

 

Getty Images
ปธน.โบลโซนาโร ของบราซิล เรียกโรคโควิด-19 ว่า "ไข้หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ"

เวียรา ลูเซีย บอกว่าเธอรู้สึกงุนงงกับปฏิกิริยาของประธานาธิบดีผู้นี้มาก

"โบลโซนาโร พูดแต่เรื่องเหลวไหล เขาอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจและจะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบของตัวเอง"

สำหรับเธอแล้ว ความท้าทายใหญ่ที่สุดนับจากนี้คือการต้องดำเนินชีวิตต่อไปโดยปราศจากสามี

"แต่ชีวิตของเราต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราไม่อยากให้ครอบครัวไหนต้องเจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกับพวกเรา"

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง