ตลาด “ชาอินเดีย” สั่นคลอน โลกร้อนทำผลผลิตร่วง ราคาพุ่ง

โดยเฉพาะในรัฐอัสสัมซึ่งมีอุตสาหกรรมชามายาวนานกว่า 200 ปีและผลิตชามากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ สภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งฝนที่ไม่สม่ำเสมอ ภัยแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างปี 1921 ถึง 2024 ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เพาะปลูกชาลดลงกว่า 250 มิลลิเมตร ขณะที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1.2 องศาเซลเซียส ปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ผลผลิตหดตัว แต่ยังเปิดช่องให้ศัตรูพืชแพร่ระบาด ผู้ประกอบการต้องหันมาใช้น้ำชลประทานและพึ่งพาสารเคมีมากขึ้น ต้นทุนการผลิตจึงเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันต้นชาเก่าแก่หลายแห่งก็เสื่อมคุณภาพและไม่ทนต่อสภาพอากาศสุดขั้ว

ในปี 2024 การผลิตชาทั่วประเทศลดลง 7.8% โดยมีสาเหตุหลักจากการที่อัสสัมสูญเสียผลผลิตจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาชาเฉลี่ยในการประมูลเพิ่มขึ้นเกือบ 20%

แต่แม้ราคาจะขยับสูงขึ้น กำไรก็ถูกกดดันจากต้นทุนที่พุ่งตามค่าแรงและปุ๋ยเคมี อีกทั้งการบริโภคภายในประเทศที่เติบโตเร็วกว่าอัตราการผลิตยังทำให้ปริมาณชาส่งออกลดลงต่อเนื่อง สะท้อนอนาคตที่ไม่แน่นอนของอุตสาหกรรมชาอินเดียในเวทีการค้าโลกอุตสาหกรรมชาอินเดีย โดยเฉพาะในอัสสัม กำลังถูกสั่นคลอนจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ผลผลิตลดลง ต้นทุนเพิ่ม และความสามารถในการส่งออกถดถอย หากไม่มีการปรับตัวอย่างจริงจัง ความยั่งยืนของชาอินเดียในตลาดโลกอาจอยู่ในความเสี่ยงสูง

การผลิตชาที่ลดลงในรัฐอัสสัมกำลังสะท้อนผลกระทบของโลกร้อน ฝนแล้งและคลื่นความร้อนทำลายผลผลิต ต้นทุนพุ่ง และอนาคตชาอินเดียในตลาดโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน