รีเซต

อังกฤษยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเข้าขั้น “รุนแรง” เผยมือระเบิดเป็นผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย

อังกฤษยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเข้าขั้น “รุนแรง” เผยมือระเบิดเป็นผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย
ข่าวสด
16 พฤศจิกายน 2564 ( 11:32 )
26
อังกฤษยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเข้าขั้น “รุนแรง” เผยมือระเบิดเป็นผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย

ทางการสหราชอาณาจักรยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายสูงขึ้นเป็นขั้น "รุนแรง" หลังพบว่ามือระเบิดที่ก่อเหตุในรถแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลสตรีเมืองลิเวอร์พูล ประกอบระเบิดแสวงเครื่องเองและเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ในบ้านเช่าหลังหนึ่ง

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันรำลึกทหารผ่านศึก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ขึ้นในรถแท็กซี่ที่ได้รับการว่าจ้างให้มาส่งหน้าโรงพยาบาลสตรีเมืองลิเวอร์พูล โดยคาดว่าผู้โดยสารชายซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นผู้นำระเบิดติดตัวมาด้วย แต่คนขับแท็กซี่สามารถหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด

 

 

แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุที่ชัดเจน แต่จากพฤติการณ์ของคนร้ายทำให้ตัดสินใจได้ว่าเป็นเหตุก่อการร้ายอย่างแน่นอน

 

นางปรีติ พาเทล รัฐมนตรีผู้ดูแลกิจการภายในของประเทศ ได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายจากขั้น "ปานกลาง" เป็นขั้น "รุนแรง" ซึ่งจัดว่าอยู่ในอันดับที่รองลงมาจากขั้น "วิกฤต" ซึ่งเป็นการเตือนภัยระดับสูงสุด

 

การเตือนภัยในระดับรุนแรงนั้น หมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดเหตุโจมตีก่อการร้ายขึ้น โดยเหตุระเบิดดังกล่าวนับว่าเป็นการก่อการร้ายครั้งที่สองแล้วในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากเซอร์ เดวิด เอมิส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ถูกคนร้ายบุกแทงจนเสียชีวิตระหว่างพบปะประชาชน เมื่อวันที่ 15 ต.ค.

 

ด้านผู้ช่วยผู้บังคับการตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายประจำภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ แถลงว่าตำรวจทราบถึงตัวตนของมือระเบิดรถแท็กซี่แล้ว ซึ่งก็คือนายเอหมาด อัล สวีลมีน ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียวัย 32 ปี ทั้งยังได้บุกค้นบ้านสองหลังซึ่งเป็นบ้านพักและบ้านเช่าของคนร้ายในเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งตำรวจพบอุปกรณ์ทำระเบิดในบ้านหลังหนึ่งด้วย

 

 

ตำรวจยังเผยว่า นายอัล สวีลมีน เดินทางมาอังกฤษจากประเทศหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง หลังจากนั้นได้ยื่นขอลี้ภัยเพื่อพำนักอาศัยในสหราชอาณาจักร ก่อนจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์นิกายแองกลิกัน ทั้งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับชาวอังกฤษที่ไปโบสถ์แห่งเดียวกันอย่างมาก โดยไม่มีวี่แววว่าเขาจะก่อเหตุร้ายมาก่อน

 

ส่วนชาย 4 คนที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากคาดว่ามีส่วนรู้เห็นช่วยเหลือนายอัล สวีลมีน ในการก่อเหตุ ได้รับการปล่อยตัวแล้วหลังถูกสอบสวนอย่างละเอียด โดยไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ ทั้งสิ้น

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง