สมัยเด็ก ๆ เราเห็นคนอื่นเลี้ยงนก คือ เอาใส่กรงเล็ก ๆ แล้วแขวนเอาไว้หน้าบ้านหรือตามใต้ต้นไม้ เราเคยถามเหมือนกันว่าทำไมไม่เลี้ยงเหมือเลี้ยงไก่หรือเลี้ยงหมา คนเลี้ยงก็ตอบว่ามันเลี้ยงเหมือนกันไม่ได้ ถ้าปล่อยออกมานกมันก็จะบินหายไปไม่อยู่กับเรา ถ้าเราอยากเลี้ยงอยากให้เขาอยู่ด้วยก็ต้องใส่กรงไว้อย่างนี้แหละ รูปประกอบโดย เจ้าของบทความพอเราโตขึ้นก็มีโอกาสได้เลี้ยงนกด้วยตัวเอง เพราะน้องชายไปซื้อนกมาแล้วไม่มีเวลาเลี้ยง เราเลยต้องกลายเป็นแม่ของเจ้านกเอี้ยงไปโดยเลี่ยงไม่ได้ ตอนน้องชายเอามาให้เขายังตัวแดง ๆ อยู่เลย ขนก็ยังไม่ขึ้น ตาก็ยังไม่ลืม เราก็ยังแปลกใจว่าเล็กขนาดนี้เขายังซื้อขายกันอีกนะ น้องชายหิ้วไฟมาให้กกด้วยเราเลยเอามาป้อนอาหารและกกไฟประมาณ 1 อาทิตย์พอขนเริ่มขึ้นก็ไม่ต้องกกไฟแล้ว ตาก็เปิดแล้ว คราวนี้ก็คือป้อนข้าวบ่อยขึ้นเพราะนกจะอ้าปากกินอยู่ตลอดถ้าเดินมาใกล้ก็จะอ้าปากตลอดเราก็เลยป้อนอาหารทุกครั้งที่เขาอ้าปากเช่นกัน รูปประกอบโดย เจ้าของบทความเราเลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่ใส่กรงแต่จะเอาเขามาอยู่ด้วย มาวางมือวางขาซึ่งเขาก็อยู่นะ พอเริ่มโตขึ้นก็เดินไป ๆ มา ๆ ใกล้ ต้องตามเช็ดขี้ตลอดเพราะขี้เก่งมาก จนเริ่มหัดบิน พอบินได้เราก็กลัวเขาจะบินหายไปเหมือนกัน แต่ก็พาเขาออกไปบินแถว ๆ ทุ่งนาโล่ง ๆ และเรียกชื่อตลอดให้เขาจำได้ แต่ครั้งหนึ่งเขาบินหายไปเพราะมีคนจุดประทัด เขาบินหายไปเลยเราเรียกก็ไม่หันมา เราตกใจมากรีบตามไป แต่นกที่บินบนฟ้ากับคนที่เดินตามพื้นมันห่างกันมากอีกทั้งต้นไม้และบ้านเรือนอีก ทำให้เราคลาดสายตาจากนก เราตามหาอยู่นานจนเย็นเขาก็ไม่กลับมา เราเลยโพสรูปนกเราลงในกลุ่มเฟสบุ๊คของอำเภอแล้วลงรูปนกเราด้วย หลังจากนั้นประมาณ 20 นาทีก็มีคนแจ้งมาว่าเจอเราก็ไปรับกลับ ตอนนั้นดีใจมาก รูปประกอบโดย เจ้าของบทความหลังจากนั้นเขาก็อยู่กับเรามาตลอดตอนนี้เขาอายุได้ 4 ขวบแล้ว โดยตอนประมาณ 3ขวบกว่า ๆ เขาบินหายไปอีกครั้งหนึ่งเพราะเสียงมอไซต์ที่ขี่ดังมาก ๆ เราตามหายังไงก็ไม่เจอ ตอนนั้นร้องไห้หนักมาก กลัวว่าเขาจะโดนใครจับไปเพราะนกเราเชื่องมากและบินเข้าหาคนตลอด แต่ตอนเช้าเขาก็บินกลับมาที่บ้าน และหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่บินไปไหนอีกเลย จะตามเราไปทุกทีและบินออกมาเล่นบ้านแม่ที่อยู่ข้าง ๆ ไปกินขนมและบินกลับบ้าน ซึ่งเราไม่เคยใส่กรงเลยเลี้ยงเหมือนแมวเหมือนไก่ตัวหนึ่งและพยายามคุยกับเขาตลอด จนทุกวันนี้เขาจำชื่อเขาได้ จำสียงเราได้ เลียนเสียงเก่งด้วย ใครที่มาที่บ้านก็มักจะถามว่า ทำไมเชื่องจัง ปล่อยแบบนี้ไม่กลัวเขาหายเหรอ เราตอบว่าเขาไม่ไปไหนหรอกเพราะเขาอยู่ที่นี่แล้วเขาสบาย อยากกินก็ได้กิน มีที่นอนที่หลบฝนแถมยังไม่โดนขังอีกคงไม่หายไปไหน เพราะตอนหายไปคราวหลังเขาคงจะเข็ดเพราะกลับมาแล้วเมื่อตกใจคราวนี้เลือกบินเข้าบ้านแทนค่ะ รูปประกอบโดย เจ้าของบทความซึ่งจากประสบการณ์นี้ทำให้เราเห็นว่า การเลี้ยงนกสามารถเลี้ยงนกกรงได้ และการจะเลี้ยงจนเชื่องคือเราต้องมีเวลา เล่นและคุยกับเขาบ่อย ๆ อีกอย่างเราว่าการเลี้ยงนกที่โตมากับเราเลยน่าจะเชื่องได้ดีกว่าไปซื้อนกที่โตแล้วมาเลี้ยงนะ เพราะนกที่โตแล้วบางทีเมื่อออกกรงได้เขาคงจะเก็บกดที่อยู่ในกรงมานานเลยบินหนีค่ะ ดังนั้นหากอยากเลี้ยงนกแบบปล่อยอย่างเราต้องเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กและคุยกับเล่นกับเขาบ่อย ๆ เดี๋ยวเขาก็จะติดเราเอง