10 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม มีอะไรบ้าง | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล เคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมอยู่ๆ คลองน้ำที่เคยสะอาดเมื่อสมัยก่อน หรือสถานที่บางแห่งที่เคยมีธรรมชาติที่สวยงาม กลับกลายเป็นจุดที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ อะไรคือสิ่งที่มาเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจากดีกลายเป็นเสีย แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ที่จะพูดว่า การจะเอากลับมาเป็นแบบเดิมนั้นยากมากๆ ก็ได้ค่ะ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ในสถานการณ์จริงนั้นสิ่งที่มาทำให้สิ่งแวดล้อมหนึ่งเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น จริงๆ แล้วมีต้นเหตุมีสาเหตุค่ะ โดยที่หลายคนก็อาจจะยังมองภาพไม่ออกว่า อะไรที่ไปทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมขึ้น สิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่แล้วหายไปได้จนกลายเป็นปัญหา ดังนั้นในบทความนี้เราจะมารู้กันว่า มีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายในสิ่งแวดล้อม ที่ในปัจจุบันประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้วนะคะ โดยเมื่อคุณผู้อ่านได้อ่านให้จบแล้ว จะเริ่มมองเห็นภาพใหญ่ของสาเหตุที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปได้ ตลอดจนสามารถมีความเข้าใจมากขึ้นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ต่อจากนั้นก็สามารถเกิดความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วยค่ะ น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ? งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่า กับเนื้อหาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ค่ะ 1. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรง น้ำท่วมฉับพลัน และพายุที่ถี่และรุนแรงขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นกัดเซาะชายฝั่งและทำลายระบบนิเวศทางทะเล สัตว์และพืชหลายชนิดไม่สามารถปรับตัวได้ทันและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ แหล่งอาหาร และทรัพยากรน้ำ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ทุกคนค่ะ 2. การบริโภคทรัพยากรมากเกินไป การบริโภคทรัพยากรที่มากเกินไปเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องค่ะ ความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งนำไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ทั้งทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เช่น น้ำมันและแร่ธาตุ และทรัพยากรหมุนเวียน เช่น น้ำและป่าไม้ การผลิตสินค้าจำนวนมากก่อให้เกิดของเสียและมลพิษในปริมาณมหาศาล ทั้งทางดิน น้ำ และอากาศ การที่เราใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็นและทิ้งขว้างอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสร้างภาระให้กับโลกของเราในระยะยาวนะคะ 3. การผลิตและการจัดการของเสีย กระบวนการผลิตสินค้าต่างๆ มักปล่อยของเสียและมลพิษออกมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสีย อากาศเสียหรือขยะอุตสาหกรรม หากไม่มีการจัดการที่ดี ของเสียเหล่านี้จะปนเปื้อนสู่ดิน น้ำและอากาศ ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศ นอกจากนี้ปริมาณขยะมูลฝอยจากครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังเป็นปัญหาใหญ่ การกำจัดขยะที่ไม่ถูกวิธี เช่น การฝังกลบที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการเผาในที่โล่ง ก่อให้เกิดมลพิษและส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมในระยะยาว การที่เราไม่สามารถลดปริมาณขยะและจัดการกับของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นค่ะ 4. การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การลดลงของจำนวนชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ รวมถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมและระบบนิเวศ ส่งผลกระทบต่อสมดุลของธรรมชาติอย่างมาก การทำลายถิ่นที่อยู่ การบุกรุกของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น มลพิษ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการสูญเสียนี้ เมื่อความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ระบบนิเวศจะอ่อนแอลง และไม่สามารถทำหน้าที่ในการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การควบคุมประชากรศัตรูพืช การผสมเกสร หรือการผลิตออกซิเจน การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจึงไม่ใช่แค่การหายไปของสิ่งมีชีวิต แต่เป็นการบ่อนทำลายพื้นฐานสำคัญของการดำรงอยู่ของมนุษย์และโลกของเราค่ะ 5. มลพิษ มลพิษเป็นเหมือนยาพิษที่ค่อยๆ ทำลายสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศที่เราหายใจเข้าไป มลพิษทางน้ำที่ปนเปื้อนแหล่งน้ำที่เราใช้ หรือมลพิษทางดินที่ทำให้ดินเสื่อมโทรม ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งจากโรงงานอุตสาหกรรม การคมนาคม การเกษตร และแม้แต่จากชีวิตประจำวันของเรา เมื่อมีสารพิษเหล่านี้สะสมในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะส่งผลกระทบต่อคนเรา สัตว์ และพืช ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ เกิดการทำลายระบบนิเวศ และทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมลง มลพิษจึงเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาโลกของเราให้อยู่ในสภาพที่ดีสำหรับทุกคนค่ะ 6. การทำลายที่อยู่อาศัย การทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและพืชพรรณต่างๆ เปรียบเสมือนการรื้อบ้านของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ ทำให้ไม่มีที่อยู่ ไม่มีแหล่งอาหาร และไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ การขยายตัวของเมือง การทำเกษตรกรรม การตัดไม้ทำลายป่า หรือแม้แต่การสร้างถนน ล้วนเป็นการรุกรานและทำลายพื้นที่ที่สิ่งมีชีวิตเคยอาศัยอยู่ เมื่อที่อยู่อาศัยถูกทำลาย สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นก็จะค่อยๆ ลดจำนวนลงและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งส่งผลกระทบไปยังระบบนิเวศโดยรวม ทำให้ความสมดุลของธรรมชาติเสียไป และท้ายที่สุดก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ด้วย การรักษาที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไว้ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของเราค่ะ 7. การเกษตรที่ไม่ยั่งยืน การทำเกษตรแบบไม่ยั่งยืนเป็นเหมือนการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จนหมดหน้าตัก การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีในปริมาณมากเกินไป ทำให้ดินเสื่อมโทรม น้ำเน่าเสีย และส่งผลกระทบต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นเวลานานยังทำให้ดินขาดความหลากหลายทางอาหารและอ่อนแอต่อโรคและแมลง การถางป่าเพื่อขยายพื้นที่เกษตรก็เป็นการทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและลดพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ การทำเกษตรแบบนี้ในระยะยาวจึงไม่เพียงแต่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและผู้คนอีกด้วย การหันมาทำเกษตรแบบยั่งยืนจึงเป็นทางออกที่จะช่วยรักษาดิน น้ำ ป่าไม้ และสร้างความมั่นคงให้กับทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมค่ะ 8. การเพิ่มขึ้นของประชากร จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเหมือนการเติมน้ำลงในแก้วที่ไม่รู้จบ เมื่อมีผู้คนมากขึ้น ความต้องการทรัพยากรต่างๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัยหรือพลังงาน การผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของทุกคนนี้เอง ที่นำไปสู่การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนักหน่วง การสร้างบ้านเรือนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็เบียดเบียนพื้นที่ป่าและที่อยู่อาศัยของสัตว์ การบริโภคที่มากขึ้นก็สร้างขยะและมลพิษมากขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของประชากรจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากไม่มีการวางแผนการใช้ทรัพยากรและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีพอ การมีผู้คนมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่แล้วทวีความรุนแรงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 9. ความรู้และความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่ยังจำกัด การที่ความรู้และความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมของคนเรายังไม่กว้างขวางพอ ก็เหมือนกับการที่เรามองไม่เห็นอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง หรืออาจไม่รู้ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงและใกล้ตัวกว่าที่คิด เมื่อเราไม่รู้หรือไม่ตระหนักถึงผลเสียที่ตามมา ก็ยากที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือร่วมมือกันแก้ไขปัญหา การขาดความรู้และความเข้าใจนี้เอง ทำให้หลายคนยังคงใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ทิ้งขยะไม่เป็นที่ หรือเพิกเฉยต่อปัญหามลพิษ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมยังคงอยู่และทวีความรุนแรงขึ้น การส่งเสริมความรู้และความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเหมือนการติดอาวุธทางปัญญาให้ทุกคนได้เข้าใจและร่วมกันดูแลโลกของเราอย่างยั่งยืนค่ะ 10. การตัดไม้ทำลายป่า การตัดไม้ทำลายป่าเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เปรียบเสมือนการทำลายบ้านของสัตว์นานาชนิด และยังเป็นการลดพื้นที่สีเขียวที่สำคัญของโลก ต้นไม้มีบทบาทสำคัญในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน เมื่อป่าไม้ถูกทำลายไป ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ป่ายังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของดิน ป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร การตัดไม้ทำลายป่าจึงไม่เพียงแต่ทำให้สัตว์ป่าสูญเสียที่อยู่อาศัย แต่ยังส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ แหล่งน้ำ และความอุดมสมบูรณ์ของดิน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เราด้วยนะคะ ที่โดยสรุปแล้วจะเห็นได้ว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดการกระทำของคนเราด้วยนะคะ ดังนั้นหากเราทุกคนจำเป็นต้องหันมาใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ก็คงไม่ใช่คำพูดที่ผิดอะไร เพราะเราทุกคนต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ร่วมกันคนละไม้คนละมือค่ะ ซึ่งในสถานการณ์จริงๆ นั้น ผู้เขียนเองก็ได้พบเห็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเริ่มมีปัญหามาเหมือนกันค่ะ ที่เกิดจากขยะ น้ำเสีย การใช้สารเคมีในทางการเกษตรมากเกินไป การจุดเผาฟาง การปล่อยควันพิษและอื่นๆ อีกหลายอย่างเลยค่ะ จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยทุกคนมาร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยอาจเริ่มจากจุดที่เราทำได้ จากเรื่องใกล้ตัว จากสถานการณ์ในชีวิตประจำวันก่อนก็ได้ เพราะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมพอเกิดขึ้นแล้ว จะกลายเป็นปัญหาส่วนรวมทันทีค่ะ ซึ่งเราทุกคนสามารถเป็นหูเป็นตาและช่วยกันลดสาเหตุต่างๆ ได้ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย @jcomp จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Magda Ehlers จาก Pexels, ภาพที่ 2-3 โดยผู้เขียน และภาพที่ 4 โดย Maciej Cisowski จาก Pexels เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน 9 ผลกระทบในแหล่งน้ำ จากค่าความนำไฟฟ้า (EC) สูง ผลกระทบจากขยะเปียก ในครัวเรือน ที่จัดการไม่เหมาะสม 10 ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ช่วงหน้าร้อน ที่มีผลกระทบต่อคน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !