ปลูกกระชายให้หัวใหญ่ หน้าบ้าน ทำไงดี กี่เดือนเก็บได้ | บทความโดย Pchalisa กระชายเป็นสมุนไพรไทยที่ผู้เขียนได้นำมาปลูกไว้ในบ้าน เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำอาหารค่ะ โดยเฉพาะกระชายขาวนะคะ กระชายขาวก็คือกระชายที่เรานำมาใส่น้ำยาขนมจีน นำมาโขลกรวมกันกับสมุนไพรอย่างอื่นในการทำพริกแกง และเป็นกระชายชนิดนี้พบเห็นได้มากที่สุดตามบ้านเรือน เพราะนิยมปลูกจากที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย จริงๆ กระชายขาวอ่อนๆ สามารถนำมาทานกับน้ำพริกได้ด้วยเหมือนกันค่ะ จากที่มีประสบการณ์มานั้น จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้เขียนจะได้มาบอกต่อเกี่ยวกับ การปลูกกระชายหน้าบ้านยังไงดี ให้ได้หัวใหญ่ๆ จากนั้นเราจะรู้ต่ออีกว่าจะเก็บกระชายตอนไหนค่ะ ดังนั้นต้องอ่านให้จบ เพราะข้อมูลทั้งหมดมีมาให้แล้ว ดังต่อไปนี้ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? กระชายขาว เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่มีเหง้าใต้ดินคล้ายขิง แต่มีขนาดเล็กกว่า ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้เป็นที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร โดยมีลักษณะเด่น คือ เหง้า: เป็นส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์หลัก มีรูปร่างคล้ายนิ้วมือ สีเหลืองอ่อน เนื้อในสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใบ: ใบเดี่ยว รูปรี ปลายใบแหลม มีสีเขียวเข้ม ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีขาวหรือขาวอมชมพู และสิ่งที่ทำให้กระชายขาวแตกต่างจากพืชชนิดอื่น ก็คือ กลิ่นหอมเฉพาะตัว: กลิ่นหอมของกระชายขาวจะแตกต่างจากขิง ซึ่งทำให้สามารถแยกแยะได้ง่าย รสชาติ: มีรสเผ็ดร้อนเล็กน้อย และมีรสขมเล็กน้อยค่ะ ขนาด: มีขนาดเล็กกว่าขิง ส่วนที่ใช้ปลูกกระชายขาวเรียกว่าเหง้าค่ะ โดยเหง้าของกระชายขาวนั้นจะมีลักษณะคล้ายนิ้วมือ สีเหลืองอ่อน และมีตาอยู่รอบๆ เหง้า ซึ่งตานี้เองที่จะเจริญเติบโตเป็นต้นกระชายต้นใหม่นะคะ และเหตุผลที่ใช้เหง้าในการขยายพันธุ์ เพราะว่า สะดวกและรวดเร็ว: การนำเหง้ามาปลูกเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการขยายพันธุ์กระชายขาว ได้พันธุ์แท้: การปลูกจากเหง้าจะทำให้ได้ต้นกระชายที่ลักษณะเหมือนต้นแม่พันธุ์เดิม มีโอกาสติดรอดสูง: เหง้ากระชายมีสารอาหารสะสมอยู่ภายใน ทำให้มีโอกาสในการเจริญเติบโตและรอดชีวิตสูง และวิธีการเตรียมเหง้าก่อนปลูก ให้ทำตามนี้ค่ะ เลือกเหง้า: เลือกเหง้าที่มีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของโรคหรือแมลง แบ่งเหง้า: ตัดแบ่งเหง้าออกเป็นท่อนๆ โดยให้แต่ละท่อนมีตาอย่างน้อย 2-3 ตา อย่างไรก็ตามเหง้าที่นำมาปลูกควรมีอายุประมาณ 7-9 เดือน และควรปลูกกระชายในช่วงฤดูฝน เพราะกระชายชอบความชื้น อีกทั้งดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินร่วนซุย และมีความอุดมสมบูรณ์นะคะ การปลูกกระชายหน้าบ้านเป็นไอเดียที่ดีค่ะ ที่หลายคนก็ยังไม่เคยได้ลองสักที เพราะยังมองภาพไม่ออกว่าจะทำไงดี กระชายขาวเพราะนอกจากจะได้สมุนไพรไว้ใช้ประโยชน์แล้ว ถ้าปลูกยังช่วยให้หน้าบ้านดูสดชื่นและมีชีวิตชีวาอีกด้วยค่ะ โดยขั้นตอนในการปลูก ให้ทำตามนี้ เตรียมกระถางหรือแปลงปลูก: หากปลูกในกระถาง ควรเจาะรูที่ก้นกระถางเพื่อระบายน้ำ หากปลูกในแปลงดิน ควรเตรียมดินให้ร่วนซุย เตรียมเหง้า: ตัดเหง้ากระชายออกเป็นท่อนๆ โดยให้แต่ละท่อนมีตาอย่างน้อย 2-3 ตา ปลูก: ฝังเหง้าลงในดินลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม วางกระถางหรือแปลงปลูก: วางในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน โดยเมื่อปลูกกระชายแล้ว เราต้องมีการเก็บเกี่ยวหัวกะชายอ่อนค่ะ เพราะถ้าทิ้งไว้หัวกระชายอ่อนนี้ก็จะเน่าเปื่อยไปตามธรรมชาติ ที่จะยังเหลือส่วนของเหง้าที่จะเกิดเป็นต้นกระชายใหม่ในปีถัดมา กระชายขาวอ่อนสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 7-9 เดือนนะคะ โดยจากที่ผู้เขียนมีประสบการณ์มานั้นประมาณเดือนพฤศจิกายนต้องขุดเก็บหัวอ่อนของกระชายแล้วค่ะ โดยเราก็จะขุดเหง้าขึ้นมาด้วยและล้างให้สะอาด ส่วนหัวอ่อนนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำอาหาร ทำน้ำกระชาย ส่วนเหง้าเอาไว้ปลูกต่อค่ะ การจะปลูกกระชายให้หัวใหญ่และสมบูรณ์นั้น ต้องอาศัยทั้งการดูแลที่ถูกต้องและปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมค่ะ โดยลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูนะคะ 1. การเตรียมดินและปุ๋ย ดิน: กระชายชอบดินร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุสูง ระบายน้ำดี การเตรียมดินที่ดีจะช่วยให้รากกระชายเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ปุ๋ย: ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก: ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระชาย 2. การเลือกพันธุ์และการปลูก พันธุ์: เลือกพันธุ์กระชายที่แข็งแรง มีหัวใหญ่ ไม่มีโรคแมลง การปลูก: ระยะปลูก: ควรมีระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวที่เหมาะสม เพื่อให้กระชายได้รับแสงแดดและอากาศถ่ายเทได้สะดวก ความลึก: ฝังเหง้ากระชายลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร หลีกเลี่ยงการปลูกซ้ำที่เดิม: การปลูกกระชายซ้ำที่เดิมติดต่อกันหลายปี อาจทำให้เกิดโรคและแมลงได้ง่ายขึ้น ควรเวียนปลูกพืชชนิดอื่น การรดน้ำ: รดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งค่ะ 3. การดูแลรักษา กำจัดวัชพืช: วัชพืชจะแย่งอาหารและน้ำจากกระชาย ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอค่ะ ป้องกันโรคแมลง: ต้องหมั่นสังเกตอาการของโรคและแมลง จากที่ผู้เขียนได้ปลูกมานั้นไม่พบโรคพืชเลยค่ะ มีมดแดงบ้าแต่ไม่ได้ส่งผลต่อต้นกระชาย ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยตามที่เป็นไปได้ ต้องบอกว่าปุ๋ยคอก ปุ๋ยจากการย่อยสลายของเศษอาหารตามบ้าน คือสิ่งที่ผู้เขียนใช้ค่ะ ที่ไม่เคยได้ใช้ปุ๋ยเคมีเลย พรวนดิน: การพรวนดินเป็นประจำจะช่วยให้ดินร่วนซุย อากาศถ่ายเทได้ดี และช่วยให้รากกระชายเจริญเติบโตได้ดี ตัดแต่งใบ: การตัดแต่งใบที่เหลืองหรือใบที่เป็นโรคออก จะช่วยให้กระชายเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดของหัวกระชาย พันธุ์: พันธุ์ที่มีกรรมพันธุ์ดี จะให้หัวใหญ่และสมบูรณ์ ดิน: ดินที่อุดมสมบูรณ์ มีอินทรีย์วัตถุสูง จะช่วยให้หัวกระชายโตเร็วและมีขนาดใหญ่นะคะ น้ำ: การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้หัวกระชายเจริญเติบโตได้ดี ปุ๋ย: การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมและถูกต้อง จะช่วยให้กระชายได้รับธาตุอาหารที่เพียงพอ โรคและแมลง: โรคและแมลงจะทำลายส่วนต่างๆ ของกระชาย ทำให้หัวกระชายมีขนาดเล็กลง จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาเก็บเกี่ยวกระชาย? การสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่ากระชายพร้อมเก็บเกี่ยวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้เหง้าที่มีคุณภาพดีที่สุดค่ะ โดยมีหลายวิธีที่คุณผู้อ่านสามารถสังเกตได้ ดังนี้ค่ะ สังเกตใบและลำต้น: เมื่อกระชายแก่เต็มที่ ใบจะเริ่มเหลือง เหี่ยว และร่วงหล่น ลำต้นจะแห้งและดูไม่สมบูรณ์ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากระชายพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว สังเกตระยะเวลา: โดยทั่วไปแล้วกระชายจะพร้อมเก็บเกี่ยวหลังจากปลูกประมาณ 7-9 เดือน แต่ก็อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม สังเกตขนาดของเหง้า: เมื่อขุดเหง้าขึ้นมาดู เหง้าจะมีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ และมีน้ำหนักดี จากที่ผู้เขียนได้เก็บเกี่ยวกระชายแล้ว พบว่า ได้หัวอ่อนของกระชายขาวประมาณ 3 กิโลกรัมค่ะ และได้เหง้าแก่ในน้ำหนักใกล้เคียงกัน โดยกระชายทั้งหมดได้จกที่ปลุกไว้ในสวนหน้าบ้าน ที่เป็นการปลูกเฉพาะพื้นที่ด้านข้างของพื้นที่ที่มีอยู่เท่านั้นนะคะ ซึ่งถือว่าได้ผลผลิตเยอะเกินกว่าที่คาดไว้ค่ะ โดยกระชายขาวอ่อนผู้เขียนเก็บไว้ใช้ในงาน 2 ลักษณะ คือ ตอนนี้แช่ในช่องผักธรรมดาก่อน และหลังจากนี้ถ้าพบว่ากระชายอ่อนจะเสื่อมสภาพจะนำมาโขลกหยาบและใส่ถุงแกง จากนั้นนำไปเก็บในช่องแช่แข็งค่ะ เพียงเท่านี้ก็มีกระชายเอาไว้ใช้นานหลายเดือนกับเมนูที่หลากหลายได้ง่ายๆ แล้วค่ะ อย่างไรก็ตามหากคุณผู้อ่านต้องการปลูกกระชายหน้าบ้านบ้าง ก็ลองทำตามได้เลยค่ะ รับรองว่าได้หัวกระชายขนาดใหญ่และจำนวนมากแน่นอน โดยขอเน้นย้ำเรื่องดินค่ะว่าต้องร่วนซุย ส่วนใส่ปุ๋ยบ้างไม่ใส่บ้าง กระชายยังสามารถให้หัวได้ค่ะ เพราะผู้เขียนก็ใส่ปุ๋ยตามอารมณ์และทรงผมเหมือนกัน แล้วยังได้กระชายอ่อนแบบจุใจเลย ดังนั้นลองปลูกกระชายกันค่ะทุกคน และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://news.trueid.net/detail/pxkyYkw5XAVO https://food.trueid.net/detail/VA5ZY3wPDMXd https://news.trueid.net/detail/WjlBKQ4PPGLA เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !