โบรกมอง BTS-กทม.ทิศทางดี กังวล “การเมือง” ยังบดบัง
![โบรกมอง BTS-กทม.ทิศทางดี กังวล “การเมือง” ยังบดบัง](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
บล.กสิกรไทย มองเชิงบวกเล็กน้อยจากพัฒนาการล่าสุดของข้อพิพาทระหว่าง BTS และ BMA ในสัญญา E&M ซึ่งอาจมี upside 1.8% ต่อราคาเป้าหมายของบล.กสิกรไทย (8.95 บาท) มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยจากจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในช่วงทดลองวิ่ง 6 วัน แนะนำ "ซื้อ" ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่ฟื้นตัวและพัฒนาการเชิงบวกล่าสุดในสองประเด็น จะถูกชดเชยจากความไม่มั่นคงทางการเมืองในปัจจุบัน
จากกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จะมีการเสนอต่อสภากรุงเทพมหานครเพื่อยุติการค้างชำระหนี้ของสัญญาจ้างงานค่าติดตั้งไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท กับ BTS ในช่วงต้นเดือน ก.ค. ขณะเดียวกัน การจ่ายเงินของสัญญาค่าเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) มูลค่ารวม 3 หมื่นล้านบาท จะขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดนอกจากนี้ จากข้อมูลจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอยู่ที่ 28,600 เที่ยวในช่วงทดลองวิ่ง 6 วันแรก
สัญญาจ้างงานค่าติดตั้งไฟฟ้าและเครื่องกล(E&M) บล.กสิกรไทยมองว่าสิ่งนี้เป็นพัฒนาการเชิงบวกเล็กน้อยสำหรับ BTS โดยมองเห็นโอกาสที่ดีขึ้นที่สภากรุงเทพมหานครจะตัดสินใจเอื้อประโยชน์ต่อ BTS แม้ว่าเราจะไม่แน่ใจ 100% ก็ตาม
ในขณะเดียวกันการตัดสินใจจ่ายคืนหนี้ที่เร็วกว่าที่คาดจะส่งผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนของ BTS อย่างจำกัด แต่จะมีผลกระทบมากกว่าในแง่ของสถานะการก่อหนี้และกระแสเงินสดของ BTS หาก BTS ได้รับเงินจากกทม.เต็มจำนวนในปี FY2567 จะทำให้มี upside 1.8% ต่อราคาเป้าหมายของเรา
MRT สายสีเหลือง บล.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยเกี่ยวกับพัฒนาการของจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในช่วง 6 วันแรกของช่วงทดลองวิ่ง อยู่ที่ 28,600 เที่ยว (คิดเป็น 30% ของประมาณการผู้โดยสารในปีแรกของเรา และ 25% ของเป้าหมายของ BTS) รถไฟฟ้าสายสีหลืองได้ผ่านช่วงทดลองวิ่ง 1 เดือน โดยเปิดให้บริการ 13 สถานีจากทั้งหมด 23 สถานีในช่วงเวลาจำกัดตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 20.00 น. ในช่วงวันที่ 3-11 มิ.ย.
ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 9 สถานี และขยายเวลาเปิดให้บริการเพิ่มเติมเป็น 6.00 น. ถึง 20.00 น. และตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค. มีแผนจะเปิดสถานีสุดท้ายที่ลาดพร้าว
บล.กสิกรไทยคาดการณ์ว่ารายได้จากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะอยู่ที่ 5%/7%/10% ของประมาณการรายได้ของ BTS ในปี FY2567-2569 และกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่ -1%/ -6%/-4%
สมมติฐานของบล.กสิกรไทย ประกอบด้วย 1) จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันในปีแรกที่ 97,500 เที่ยว โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ 34% และ 2) อัตราค่าโดยสารเฉลี่ย 30 บาทต่อเที่ยว โดยมี CAGR 3 ปีที่ 1%
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น นับจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ราคาหุ้นของBTS ลดลง 3.9% เทียบกับ - 7.2% สำหรับ BEM (คู่แข่งในประเทศ) และลดลง 0.6%สำหรับ SET
Valuation and Recommendation
บล.กสิกรไทย ยังคงประมาณการกำไรปกติปี FY2567-2569 ราคาเป้าหมายอิงวิธีรวมส่วนของกิจการ (SOTP) ณ สิ้นปี 2567 ที่ 8.95 บาท และคำแนะนำ "ซื้อ"สำหรับ BTS สมมติฐานหลักที่สนับสนุนมุมมองแง่บวกของเราคือคำตัดสินที่ป็นประโยชน์จากศาลปกครองสูงสุดในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญา O&M ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายระยะที่ 1 และ 2 หากคำพิพากษาเป็นที่น่าพอใจ กระแสเงินสดของ BTS จะพลิกกลับเป็นบวก ซึ่งจะทำให้ BTS ปลดหนี้งบดุลและหนุนการลงทุนใหม่ในโครงการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ข้อพิพาทนี้กับกทม.คิดเป็น 35%ของประมาณการ EBIT ในปี FY2567-2569 ของ BTS และคิดเป็น 39% ของราคาเป้าหมายของเรา
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1) ขาดทุนจากการลงทุน 2) คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อสัญญา O&M ของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3) การตัดสินใจชำระเงินที่ล่าช้าของสภากรุงเทพมหานครในประเด็นสัญญา E&M และ 4) นโยบายที่ไม่เป็นมิตรต่อธุรกิจของรัฐบาลชุดใหม่
บล.กรุงศรีพัฒนสิน มองว่า การที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้หารือร่วมกับ BTS เป็นการหารือหนี้ค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระไปแล้ว 29 พ.ค. 23 ส่วนค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงอีก ประมาณ 3.0 หมื่นล้านบาท ต้องรอกลไกฝั่ง ครม. ทั้งนี้ หาก กทม. ชำระเงินค่าติดตั้งระบบให้ BTS ได้ จะคิดเป็นมูลค่าราว 1.67 บาทต่อหุ้น BTS