วันหยุด คือ วันอันแสนสบายที่ได้หยุดพักจากการทำงาน ซึ่งวันหยุดนั้นมีด้วยการ 2 วัน คือ เสาร์-อาทิตย์ และทำงานในวันจันทร์-ศุกร์ แต่ถามว่าทำไมต้องมีวันหยุด 2 วัน ทำงาน 5 วัน และทำไมต้องทำงานวันจันทร์-ศุกร์ และหยุดวันเสาร์อาทิตย์ เพราะก็อาจจะทำงานวันเสาร์-พุธ และหยุดวันจันทร์-อังคารก็ได้ วันนี้จึงขอนำเสนอ ทำไมต้องหยุดเสาร์-อาทิตย์และทำงานจันทร์-ศุกร์ ก่อนที่จะพูดถึงวันหยุดและวันทำงาน ต้องถามก่อนว่า ทำไมเราต้องมี 7 วันต่อสัปดาห์ เหตุการณ์จริงๆเกิดขึ้นตั้งแต่สมัย Babylon (บาบีโลน) ยุคของชาวบาบีโลเนีย เมื่อ 4 พันปีที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชาวบาบีโลเนียมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก จากเทคโนโลยีสมัยนั้น ซึ่งคืออะไรก็ไม่ทราบ พวกเขาเชื่อว่าในระบบสุริยะมีดวงดาว 7 ดวงและเขาจึงแบ่งวันเป็น 7 วันต่อสัปดาห์ และนั่นก็คือสาเหตุที่ชื่อดวงดาวและชื่อวันเหมือนกัน หลังจากนั้นความเชื่อนี้ได้กระจายไปเรื่อยๆ ทั้งในอียิปต์ กรีก โรมัน ทำให้โลกตะวันตกแบ่งวันเป็น 7 วันต่อสัปดาห์ ในช่วง 250 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อมา เกี่ยวกับวันหยุด หลังจากเรื่อง 7 วันนั้น เรื่องเกี่ยวกับวันหยุดก็เริ่มถูกพูดถึง ต้องเกริ่นก่อนว่าในช่วงแรกยังไม่ค่อยแน่ชัดเรื่องคอนเซ็ปต์วันหยุดนี้เท่าไร เพราะแต่ก่อนก็เป็นสังคมเกษตร อยากทำก็ทำ อยากหยุดก็หยุดจึงไม่มีวันหยุดอย่างชัดเจน ถึงอย่างไรศาสนาก็มีอิทธิพลเช่นกัน เพราะแต่ละศาสนาก็จะมีวันหนึ่งที่จะต้องไปทำพิธีทางศาสนา เช่น ชาวยิวไปวันเสาร์ ชาวคริสต์ไปวันอาทิตย์ เก็บเรื่องศาสนาไว้ก่อน มาพูดถึงเรื่องวันหยุดกันต่อ ซึ่งเกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนเท่านั้น เป็นยุคที่เข้าสู่ระบบโรงงาน การใช้แรงงานในตอนนั้นค่อนข้างหนัก เพราะเจ้าของบริษัทต่างๆ ต้องการผลิตสินค้าแล้วนำไปขาย ยิ่งสินค้าเยอะก็ยิ่งได้เงินเยอะ ซึ่งคนงานก็ไม่ค่อยพอใจกับการมาทำงานตอนเช้ากลับตอนเย็นทุกวันๆ แล้วก็เกิดการประท้วงขึ้นในที่สุด ทำให้ทางบริษัทและโรงงานต่างๆ ต้องแก้ไขเวลาทำงาน ศาสนาเริ่มเกี่ยวข้องในช่วงนี้ เนื่องจากในบริเวณนั้นมีชาวคริสต์เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ทางโรงงานก็ออกวันหยุดเป็นวันอาทิตย์ ต่อมาเนื่องจากมีวันหยุดเพียง 1 วัน ทำให้ไปสังสรรค์ ไปดื่ม กันในวันนั้นทำให้วันจันทร์คนจึงอ้างว่ามาทำงานไม่ไหว จนเกิดเป็นเรื่อง Saint Monday คือ คนเริ่มโดดงานในวันจันทร์ ทางโรงงานย่อมไม่นิ่งเฉย ทำให้ในช่วงศตวรรษที่ 19 เริ่มให้ทำงานในวันเสาร์แค่ครึ่งวันเช้า ส่วนตอนเย็นก็สามารถไปดื่มได้ แล้ววันอาทิตย์ก็พักผ่อนให้เต็มที่ ซึ่งคนงานก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ศาสนามาเกี่ยวข้องอีกรอบ หลังจากที่โรงงานให้หยุดวันอาทิตย์ เพราะในช่วงนั้นคนส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์แต่ก็มีชาวยิวที่ต้องทำพิธีทางศาสนาในวันเสาร์ ทางโรงงานก็เลยให้ชาวยิวนี้หยุดในวันเสาร์ และมาทำงานในวันอาทิตย์ครึ่งวันแทน แต่ถึงอย่างไรชาวคริสต์ก็มีมากกว่าชาวยิวอยู่ดี ซึ่งความเชื่อของชาวคริสต์คือ ในวันอาทิตย์คือวันหยุดของพระเจ้า จึงไม่พอใจที่โรงงานให้ทำงานในวันอาทิตย์ได้ ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับศาสนาก็ค่อนข้างจะรุนแรงพอสมควร ทำให้โรงงานต้องสั่งหยุดวันเสาร์และวันอาทิตย์ นั่นคือสาเหตุของการหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องของทางโรงงาน ยังไม่เป็นทางการสักเท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้เป็นทางการคือ เหตุการณ์ The Great Depression ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้โรงงานจ้างแรงงานไม่ค่อยไหวทำให้หยุดในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อที่ว่าค่าจ้างจะได้ลดลง เพราะมาทำงานลดลง อีกอย่างที่ทำให้การหยุดนี้เป็นทางการไปอีกคือ Mr.Henry Ford ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Ford ที่เป็นรถยนต์ เขามีไอเดียที่จะมีวันหยุด เพื่อที่จะให้แรงงานซื้อรถ Ford และนำไปขับเล่นหรือขับพาครอบครัวไปเที่ยวในวันหยุด และทำให้โรงงานต่างๆก็ทำตาม เพราะก็เห็นว่าเป็นไอเดียที่ดี ต่อมาที่เป็นทางการที่สุดคือการออกกฎหมายแรงงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้นคนที่ควรขอบคุณในเรื่องนี้ คือ ชาวคริสต์ที่ให้หยุดวันอาทิตย์, ชาวยิวที่ให้หยุดในวันเสาร์, เหตุการณ์ The Great Depression, Mr.Henry Ford และสุดท้ายคือรัฐบาลอเมริกาในยุคนั้นขอบคุณรูปภาพจาก : MustangJoe จาก Pixabay (ภาพปก) / ExplorersInternational จาก Pixabay (ภาพที่ 1) / stevepb จาก Pixabay (ภาพที่ 2) / Skitterphoto จาก Pixabay (ภาพที่ 3) / ThePixelman จาก Pixabay และ Mr.Henry (ภาพที่ 4) ติดตามบทความต่างๆ ของเราได้ ที่นี่สรุปว่าเอเลี่ยนมีจริงไหม?อัจฉริยะระดับโลก (มีคนเก่งกว่าไอน์สไตน์ด้วย!!!)5 แหล่งดูอนิเมะที่ถูกลิขสิทธิ์และฟรี!!!สัญลักษณ์บนป้ายเสื้อที่หลังคอ มีไว้เพื่ออะไร?พจนานุกรมภาษาเกม ภาษาที่คนไม่เข้าใจ!?