ใช้รถยนต์ในการเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มาตลอด แล้ววันหนึ่งก็มีโอกาสนั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิต ความรู้สึกจะเป็นอย่างไร ตามผมมาครับ จะค่อยๆ เขียนให้อ่านครับย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2565 หลังจาก “ทริปเยื่อนเชียงของ สุดเขตแดนสยามประเทศ” ได้ไม่นานก็มีเหตุให้ต้องเดินทางขึ้นเหนืออีกครั้ง คราวนี้หมุดหมายปลายทางอยู่ที่ตัวเมืองเชียงรายคำถามต่อมาคือ จะเดินทางกันแบบไหนดี ระหว่างรถยนต์กับเครื่องบิน? ถ้าเลือกรถยนต์เร็วที่สุดต้องมีเวลาอย่างน้อยสองวัน ถ้าเลือกเครื่องบินหนึ่งวันก็น่าจะเรียบร้อยชั่งน้ำหนักดูแล้วการเลือกนั่งเครื่องบินก็เป็นทางออกที่น่าจะดีที่สุด แน่นอนว่าผมก็เลือกข้อนี้เผอิญว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผมกับการเดินทางด้วยเครื่องบินซะด้วย ทำให้มีข้อสงสัยว่า แล้วมันมีขั้นตอนแบบไหนละ? เหมือนซื้อตั๋วรถทัวร์ที่หมอซิตหรือเปล่า?ไม่ยากครับ ไม่รู้ก็ถาม น้องๆ ในที่ทำงานเป็นผู้ช่วยให้อย่างดี เขาแนะนำให้โหลดแอพๆ หนึ่ง แล้วก็สอนวิธีการต่างๆ เช่น จองตั๋ว จ่ายเงิน วันเดินทางต่อทำอย่างไรบ้างแน่นอนผมต้องการปิดจ๊อบภายในวันเดียวจึงเลือกเดินทางไฟล์ท 6 โมงเช้า จากสนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินแม่ฟ้าหลวง ด้วยสายการบินเวียตเจ็ตบ้านผมอยู่อำเภอเมืองสมุทรปราการห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 30 กิโลเมตร ก็เลือกเดินทางด้วยแท็กซี่ ถึงสนามบินก่อนเวลาเซ็คอินสามสิบนาทีตอนที่เช็คอินก็แอบกังวลนะว่า เจ้าแอพที่จองตั๋วไปเนี้ย มันชัวร์จริงใช่ไหม? เอาเข้าจริงมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างมันก็ผ่านไปด้วยดี จากนั้นก็เดินผ่านจุดตรวจแล้วไปรอนั่งขึ้นเครื่องได้ถึงเวลาก็อดแปลกใจไม่ได้ เคยเห็นในหนังว่าจะมีช่องทางเดินจากตัวอาคารเข้าเครื่องบิน แล้วนี่ทำไมผมต้องขึ้นรถบัสด้วยละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาทำยังไง เราก็ทำอย่างนั้น รถบัสพาออกไปแล้วจอดข้างๆ เครื่องบินคนที่ชำนาณแล้วก็เดินนำหน้าขึ้นเครื่องไป ผมมองแล้วก็ทำตามเขาไปเรื่อยๆ พอขึ้นไป เดินจนสุดเครื่องก็เริ่มงง อ้าว แล้วที่นั่งอยู่งตรงไหนวะเนี้ย?แอร์โฮสเตสคนสวยเห็นผมเก้ๆ กังๆ ก็เข้ามาถาม จากนั้นก็ชี้นิ้วเรียวงามไปที่ชั้นวางกระเป๋าเหนือที่นั่งแทนคำตอบ แถบล่างระบุตำแหน่งของที่นั่งไว้ด้วย! (อืม เรานี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ)ผมนั่งติดหน้าต่าง เข้าใจว่าอยู่ตำแหน่งกลางลำพอดี เพราะมองเห็นปีกเครื่องบินด้วย แว๊บๆ นะ ภาพในหนังเรื่อง The Final Destination (โคตรเก่า) ลอยเข้ามาในหัว ผมก็ได้ด่าตัวเองในใจไปแล้วละว่า “ไอ้บ้า คิดอะไรไม่เป็นมงคล”ไม่นานก็เห็นทั้งหนุ่มหล่อ สาวสวย มายื่นตรงกลางทางเดิน แสดงวิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ (อืม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ)“นิ่มนวลดีนะ” ผมพูดกับตัวเองระหว่างที่เครื่องบินเคลื่อนตัว ทำความเร็ว แล้วก็เทคออฟ ไม่มีภาพเก้าอี้สั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนหนังบางเรื่องนะ ฮาฮาฮาวิวจากหน้าต่างเครื่องบินนี่มันสวยจริงๆ เหมือนเราลอยอยู่บนก้อนเฆมเลย ได้มองเมืองทั้งเมืองจากบนฟ้ามันเจ๋งดี มองเพลินๆ เวลาก็ผ่านไปประมาณ 30-40 นาทีมั้ง เครื่องบินก็เริ่มลดระดับและเตรียมตัวแลนด์ดิ้งจังหวะนี้ผมรู้สึกว่าปวดหูทั้งสองข้างมาก พยายามหลับตาแล้วก็ผ่อนคลายตัวเองอย่างเต็มที แต่ก็ยังรู้สึกปวดอื้ออยู่ จนกระทั้งล้อเตะพื้นแล้วแล่นเหมือนรถบนถนนนั่นแหละ อาการที่ว่าก็ค่อยๆ หายไปที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง ผมได้ใช่ช่องทางเดินที่เชื่อมระหว่างเครื่องบินกับตัวอาคาร แหม มันก็เท่ห์เอาเรื่องอยู่นา ขาออกไม่มีอะไรมาก เพราะมไม่ต้องยืนรอกระเป๋าเหมือนคนอื่น ก็เดินตัวปลิ้วออกมาเลยนั่นแหละครับ การนั่งเครื่องบินครั้งแรกของผม ส่วนขากลับผมก็ใช้บริการเครื่องบินอีกตามเคย แต่ไม่มีอะไรใหม่สำหรับผมอีกแล้ว เครดิตภาพ โดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !