ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็เจอแต่ของแพง ไม่รู้ว่าเพราะภาวะเงินเฟ้อ หรือเป็นเพราะสินค้าขาดตลาด ที่ทำให้สินค้าหลาย ๆ อย่างยกขบวนพาเหรดขึ้นราคา ช่วงที่ผู้เขียนกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คุณพ่อมาเล่าให้ฟังว่าลุงเจ้าของฟาร์มหมู บอกว่าหมูตายยกฟาร์ม หมูเกือบร้อยตัว ตายยกฟาร์ม!!! อ้าว เกิดอะไรขึ้นกับหมู ??ผู้เขียนก็แอบคิด แล้วแบบนี้หมูจะขึ้นราคามั้ย ? หลังจากนั้นผู้เขียนมีโอกาสไปซื้อของที่ตลาดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เห็นราคาหมูขยับขึ้นเลยสักครั้งขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับเมนูหมู ๆ ไม่ว่าจะหมูห่อ หมูย่าง หมูกระทะอยู่นั้น อยู่ ๆ หมูก็กระโดดจากกิโลกรัมละ 150-170 บาท เป็นกิโลกรัมละ 250 บาท โดยเฉพาะหมูสามชั้นที่เราชื่นชอบ ก็ยังพลอยขึ้นตามเค้าไปอี๊กกก เลยคิดเล่น ๆ งั้นก็ลดการกินหมู ไปซื้อไก่ ซื้อไข่มากินแทนแล้วกัน!!! วันถัดมาไปถึงตลาดช่วงบ่าย ๆ ไก่ กับไข่ ก็เกลี้ยงแผง อ้าวไฉนเป็นแบบนั้นไป ? คราวนี้เลยต้องหิ้วผักกลับมาบ้านแทน โชคดีที่มีหมู ไก่แช่ในช่องฟรีส และมีอาหารแห้งติดครัวไว้บางส่วน ทำให้ครอบครัวพอได้กินอาหารโปรตีนสูงอยู่บ้าง ส่วนผู้เขียนผันตัวเองไปกินเจอยู่หลายวัน 😊 แต่หลายวันถัดมา น้องชายก็หิ้วปลา หิ้วกุ้งฝอยจากบ้านสวนมาให้ หลังจากนั้นก็เมนูทอดมันกุ้งฝอยติด ๆ กันอยู่สองอาทิตย์ระหว่างที่กำลังคิดวางแผนกับเรื่องปากท้องอยู่ที่เมืองไทยอยู่นั้น ผู้เขียนได้ทราบว่าใบแจ้งหนี้ค่าไฟที่สวีเดนของเดือนธันวาคมจำนวนทั้งหมด 12,000 โครน หรือประมาณ 40,000 กว่าบาท ในขณะที่ปีที่แล้วของช่วงเดียวกันจ่ายแค่ 4,000 โครน หรือประมาณ 14,000 บาท แต่นี่เพิ่มมา 3 เท่า ก็งงอยู่พักใหญ่ ๆ ว่าเราใช้อะไรเกินไป หรือไฟรั่วไหลหรือเปล่า ก็หาข้อมูลอยู่พักใหญ่ จนไปเห็นข่าวว่าค่าไฟที่สวีเดนพุ่งกระฉูด บางคนต้องจ่ายค่าไฟเกือบ 20,000 โครนต่อเดือนขอย้อนให้ฟังก่อนว่า สวีเดนเป็นเมืองหนาว ช่วงเดือนธันวาคมจะมีทั้งหิมะ และอากาศหนาวลงจนติดลบ เพราะฉะนั้นที่นี่จะต้องเปิดฮีตเตอร์ไว้ทั้งบ้านเพื่อให้บ้านอุ่นขึ้น นอกจากฮีตเตอร์ที่ต้องเปิดตลอดเวลาแล้ว ที่นี่จะมีก๊อกน้ำร้อน และน้ำเย็นทุกจุดที่มีอ่างน้ำ แล้วอุณหภูมิติดลบขนาดนี้ใครจะล้างมือ หรืออาบน้ำเย็นได้บ้าง ? ค่าไฟหลัก ๆ ที่เสียเยอะ ๆ ก็จากค่าฮีตเตอร์ เตาอบ เตาทำอาหาร เครื่องทำน้ำร้อน เมื่อรู้ว่าเงินในกระเป๋ากำลังจะลดลงจากค่าไฟฟ้า เราก็ต้องหาทางประหยัดไฟ ผู้เขียนก็ตั้งปณิธานไว้ว่าจะอาบน้ำน้อยลง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะต้องออกจากบ้านไปทำงาน กลัวโควิดติดร่างมา ก็เลยต้องอาบน้ำทุกวันหลังกลับจากทำงาน และจะตัดผมให้สั้นขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้น้ำอุ่นในการสละผมนาน ๆ จริง ๆ ก็ตัดผมสั้นตั้งแต่กลับไปถึงเมืองไทยแล้ว ข้อนี้เลยเป็นแค่ผลพลอยได้ ไม่ใช่ความตั้งใจโดยตรง ปรับลดอุณหภูมิในบ้านลง จากเดิมอุณหภูมิในบ้านประมาณ 24-25 องศา ลดเหลือ 21-22 องศา และยอมใส่เสื้อสเว็ตเตอร์อยู่บ้านแทน เพราะมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการปรับลดอุณหภูมิในบ้านลง 1 องศา สามารถประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นถ้าลดอุณหภูมิในบ้านลง 3 องศา ก็น่าจะประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 15 องศา ใช้เตาผิงเป็นครั้งคราว การใช้เตาผิงนอกจากเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย และช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังเป็นช่วยเพิ่มความโรแมนติกในบ้านอีกด้วย เลือกเวลาในการใช้ไฟฟ้า เพราะราคาค่าไฟ จะขึ้นตามปริมาณการใช้ไฟในแต่ละช่วงเวลา เช่นเวลาช่วง 18:00-19:00 เป็นช่วงที่คนใช้ไฟฟ้าเยอะ ราคาค่าไฟต่อหน่วยก็สูงขึ้นด้วย ส่วนนี้ผู้เขียนก็พยายามปรับเปลี่ยน แต่ก็ปรับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็แล้วแต่ความสะดวก ซักผ้าแต่ละครั้ง ก็ใส่ผ้าให้เต็มเครื่องทุกครั้ง และใช้อุณหภูมิในการซักผ้าประมาณ 40 องศา เมื่อไฟฟ้าแพงขึ้น ต้นทุนของผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าก็ย่อมสูงขึ้น เมื่อต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการก็จำเป็นต้องขายสินค้าแพงขึ้น เพื่อให้ธุรกิจของเค้าอยู่ได้ และมีกำไร เราในฐานะผู้ซื้อ ก็ต้องซื้อสินค้าของเค้าแพงขึ้น ทุกอย่างก็กระทบกันเป็นทอด ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้เขียนขอให้ทุก ๆ คนผ่านช่วงยากลำบากแบบนี้ไปด้วยกัน และใครที่มีไอเดียดี ๆ เด็ด ๆ ก็มาแบ่งปันกันได้ ผู้เขียนยินดีเปิดรับทุกองศา ขอให้ทุกคนโชคดี และมีความสุข เครดิตภาพปก 1 และภาพที่ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 1- 5 โดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !