ฝนถล่มสหรัฐฯ อ่วม เสียชีวิตแล้ว 19 ราย เสียหายกว่า 3 ล้านล้านบาท

สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญภัยพิบัติครั้งใหญ่จากพายุฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในหลายรัฐทางตอนใต้และตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.2 ล้านล้านบาท
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ได้แก่ รัฐเคนทักกี เทนเนสซี อาร์คันซอ มิสซูรี อินเดียนา และเท็กซัส โดยเฉพาะที่เมืองแฟรงก์ฟอร์ต รัฐเคนทักกี ระดับแม่น้ำสูงเกินสถิติเดิม ทำให้บ้านเรือนหลายสิบหลังจมน้ำ ถนนหลายร้อยสายต้องปิดการจราจร และมีคำสั่งอพยพประชาชนจำนวนมาก
เด็กชายวัย 9 ขวบในเมืองแฟรงก์ฟอร์ตถูกกระแสน้ำพัดขณะเดินไปขึ้นรถโรงเรียน ร่างของเขาถูกพบห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณครึ่งไมล์ ขณะที่ในรัฐอาร์คันซอ มีเด็กวัย 5 ขวบเสียชีวิตจากบ้านที่พังถล่ม และในรัฐเคนทักกี ชายวัย 74 ปีเสียชีวิตหลังติดอยู่ในรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมจนจมมิด
ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี นาย Andy Beshear ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากพื้นที่น้ำท่วมและหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านน้ำที่ไหลเชี่ยว พร้อมเน้นว่า “Turn around, don’t drown – อย่าเสี่ยงข้ามน้ำ เพราะมันคือความเป็นหรือความตาย”
AccuWeather ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งนี้อยู่ระหว่าง 80,000 – 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผลกระทบครอบคลุมทั้งบ้านเรือนที่ถูกน้ำพัดถล่ม ธุรกิจต้องปิดทำการ ถนนสะพานเสียหาย และการเดินทางถูกขัดขวางอย่างหนัก
ล่าสุด สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย แม้ฝนจะหยุดตกในหลายพื้นที่ แต่ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักยังคงเพิ่มขึ้นจากการไหลบ่าของน้ำฝนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา หลายพื้นที่ยังคงจมอยู่ใต้น้ำ และต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์จึงจะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย และประชาชนในหลายพื้นที่ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากจากการขาดแคลนไฟฟ้า น้ำสะอาด และการคมนาคมที่ถูกตัดขาด