หอการค้า คาดคนละครึ่ง ดันเงินสะพัด 5 หมื่นล.

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีจะมีการฟื้นโครงการคนละครึ่ง โดยมีการปรับ เงื่อนไขใหม่ ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีแนวคิดจะปรับสัดส่วนการเงินอุดหนุน 60:40 สำหรับกลุ่มผู้เสียภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติม ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกระบบภาษียังคงได้รับสิทธิ 50:50 ตามเดิม , ขยายสิทธิไปสู่แพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่ออนไลน์ ผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐ และ ขยายสิทธิไปยังกลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 16ปี ขึ้นไปว่า

ทั้งนี้ การขยายสิทธิให้กลุ่มคนเข้ามามีร่วมมากขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ และกลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจซื้อไม่มาก มีแนวโน้มที่จะใช้เงินหมดในทันที ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น

รวมทั้งสินค้าที่คนกลุ่มนี้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งประโยชน์จะตกแก่ร้านค้าขนาดเล็กในประเทศทำให้เกิดการขับเคลื่อนการผลิตสินค้าวัตถุดิบในประเทศมากขึ้น ขณะที่การเพิ่มกลุ่มแพลตฟอร์มดีลิเวอร์รี่เข้ามาในระบบยังช่วยต่อยอดกระจายรายได้เพิ่มไปยังกลุ่มอื่นๆอีกด้วย เช่น กลุ่มของการขนส่ง วินมอเตอร์ไซค์และ แท็กซี่ ด้วย

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าเฟสแรกรัฐบาลอาจจะใช้เงินในโครงการคนละครึ่งราว 2.5หมื่นล้าน ซึ่งก็ต้องรอดูเงื่อนไขการใช้จ่ายว่า รัฐบาลจะอุดหนุน วันละเท่าไหร่ หรือจ่ายทั้งโครงการสูงสุดจำนวนเท่าไหร่ต่อคน หากคิดคร่าวๆ กำหนดให้ใช้จ่ายทั้งโครงการไม่เกิน 2,500 บาท/คน คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจหมุน และมีเงินสะพัดเข้าไปในระบบราว 3.5 – 5 หมื่นล้านบาท จะช่วยผลักให้จีดีพีเฉพาะในไตรมาสที่ 4 โตเพิ่มขึ้น 0.6-1% และผลักให้จีดีพีภาพรวมทั้งปีนี้โตเพิ่มได้ 0.2-0.3% อาจจะทำให้จีดีพีทั้งปีนี้โตเพิ่มขึ้นไปแตะที่3% ได้