ถ้าอยากรู้ว่าการศึกษามีค่าเท่าไหร่ ลองเพิกเฉยดู และ การศึกษา คือ การลงทุนที่ต่ำที่สุดบทความนี้จึงถือกำเนิดขึ้นเพราะอยากให้คนที่อยากเก่งภาษาอังกฤษมีแนวทางในการพัฒนาตัวเอง ซึ่งผมมองว่าจะประสบความสำเร็จโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด ฉะนั้น ผมจึงอยากเริ่มบทความจากเรื่องที่ใกล้ตัว แต่ยากที่จะทำนั่นคือ การพัฒนาภาษาอังกฤษ ที่ตัวผมเองได้ลองผิดลองถูกมานาน แต่มาตกผลึกช่วงอายุ 30 กว่าใช่ครับผมอยู่กับภาษาอังกฤษมากว่า 30+ ปี ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกท่านลองพิจารณาตามผมว่า คุณมองภาษาอังกฤษอย่างไร1.คุณมองภาษาอังกฤษเป็นอะไร/อย่างไรถ้าคุณมองเป็นความชอบ ผมดีใจด้วยอย่างน้อยโอกาสพัฒนาภาษาก็พอจะเห็นแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงในการพัฒนาภาษาอังกฤษ แต่ถ้าไม่ใช่อย่าเพิ่งท้อใจ เพราะมันยังมีอีกหนทางหนึ่งในการพัฒนาภาษาด้วยตัวคุณเอง ถ้า...1.1 (ผมอยากให้)คุณมองภาษาเป็นเรื่อง/ความจำเป็น เช่น เป็นแหล่งสร้างรายได้ พัฒนาความก้าวหน้าในชีวิต หรือแม้กระทั่งหารักแท้ เหล่านี้ คือ เหตุผลในการฝึกษาอังกฤษ ยกตัวอย่าง พ่อค้า-แม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณชายทะเล ที่พูดภาษาอังกฤษ คล่องแม้จะไม่ถูกไวยกรณ์ก็ตาม คุณไม่รู้สึกแปลกหรือครับ? ใช่ครับ! พวกเขาต้องฝึกไม่เช่นนั้น จะไม่มีเงินประทังชีวิต แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบ แต่ก็จำเป็นต้องทำ? ดังนั้น จึงไม่มีทางอื่นนอกจาก "ฝึก" เท่านั้น และเราต้องไม่ลืมนะครับว่า ภาษาเป็นวิชา "ทักษะ" ไม่มีทางลัดแน่นอน เพราะทักษะที่สำคัญของการพัฒนาทักษะเหล่านั้น คือ การฝึกซ้ำำ ๆ อย่างต่อเนื่อง=ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (นานพอสมควร) ดังนั้นสิ่งที่จะกระตุ้นแรงฮึดได้ดีที่สุด นั่น คือ การหาภาพต้นแบบให้ตัวเองครับ เหล่านี้จึงพอจะเป็นเหตุผลอธิบายว่าเด็กที่มีโอกาสไปเรียนต่อ ณ เมืองนอกเมืองนาจึงใช้ภาษาได้ดี หลายคงบอกว่าอ๋อเขารวย ถ้าใช่คุณก็หาเงินเยอะ ๆ ซื้อคอร์สภาษา ก็คงจะเก่งเข้าสักวัน (นะครับ) แต่ความเป็นจริงคือ สิ่งแวดล้อมมันบังคับให้เขาต้องใช้ภาษา ลองนึกเล่น ๆ นะครับ ถ้าคุณเปิดยูทูปมีแต่สื่อภาษาอังกฤษเต็มไปหมดคุณต้องเลือกแล้วว่าจะต้องดูต่อ หรือ ปิดยูทูปไปเลย แล้วหันไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีแต่ภาษาไทย แต่คุณต้องไม่ลืมนะครับว่าคุณใช้ภาษาไทยทุกวัน แต่ภาษาอังกฤษใช้วันละชั่วโมง แล้วมันจะเก่งอย่างไร (ช่ะ)***ส่วนตัวผม อยู่กับภาษากล้าพูดเลยตรงนี้ว่าเกินกว่า 5 ฃั่วโมงต่อวัน ถามนิสิต หรือคนใกล้ตัวผมก็ได้ว่า บางครั้งผมนึกคำไทยไม่ออกจริง ๆ ภาษาอังกฤษจะมาก่อน แม้ว่าผมจะประสบปัญหาโรคหลอดเลือดสมอง แต่โชคดีที่สวรรค์ยังปราณีให้ความสามารถทางภาษาผมไม่หายไป ไม่อย่างนั้นก็มานั่งท่อง A B C กันใหม่ 555 *** แต่นี่คงไม่ใช่เหตุผลให้ผมหยุดพัฒนา ไม่มีทาง เพราะผมตั้งเป้า คือ ต้องใช้ภาษาอังกฤษให้เหมือนภาษาไทยให้ได้ แม้ว่าสังขารจะไม่เอื้อก็เถอะ ***กลับมาประเด็นรื่อง ความจำเป็นต่อ สมัยผมไปเรียนต่อ ป. โท เมืองนอก จะให้ผมไปพูด-เขียนภาษาไทยในต่างแดนก็ไม่ใช่ป่ะ? มันต้องใช้ภาษาอังกฤษนะยู -ฝึกครับ:ดูข่าว ฟังวิทยุ ออกไปเที่ยว ไม่ใช่สวดมนต์ เพราะฉะนั้นที่ผมต้องการจะสื่อ คือ ถ้าคุณไม่ชอบภาษาให้ลองเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณเป็นภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด เริ่มจากคำสั่งในมือถือ เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โปรแกรมคอมพิวเตอร์เซ็ท ภาษาอังกฤษเป็น default เสพสื่อ เช่น ดูยูทูปภาษาอังกฤษ Netflix เลิกดูพากษ์ไทย เปลี่ยน Subtitle Eng เลย พจนานุกรมไทยอังกฤษเลิกได้เลิกหันไปใช้ Eng-Eng และช่วยกดการออกเสียงแบบต้นฉบับ ออกเสียงให้เหมือน ใครจะว่าเวอร์ชั่ง ตราบใดเขาไม่ให้เงิน no สน no care และถ้าใครมีความชอบเป็นทุนเดิมเข้าไป การฝึกภาษาจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่ผมอยากให้คุณมองหาเป้าหมาย ว่า จะฝึกให้เก่งขึ้นเพื่ออะไร? สอบชิงทุน ย้ายประเทศ หรือ แม้กระทั่งหาฟามรัก ตราบใดที่ภาษาอังกฤษยังถือเป็นภาษาสากล คนที่ได้ภาษาอังกฤษระดับเมพ มักมีโอกาสดี ๆ หยิบยื่นมาให้เสมอ ลองนึกง่าย ๆ ถ้าคุณพูดได้แค่ภาษาไทย ความรักก็จะถูกจำกัดแค่ในพื้นที่นี้ แต่ถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษได้ ตู้วหูววววววว หัวบันไดไม่แห้งแน่นอน!และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมชอบภาษาอังกฤษคือ หนังสือต่างประเทศ - เรียนตามตรงผมเป็นคนขี้คร้านจะรอหนังสือแปล และเคยประสบเหตุการณ์ซึ่งตัวผมเคยแอบไปหยิบหนังสือแปลอ่าน อ้าวนางแปลผิดจร้า! ปัญหาจะเกิดตามมาถ้าเรานำข้อมูลที่แปลผิดไปอ้างอิงนั่นแหล่ะ สวรรค์แน่นวนลูกเพี่ย!และเหตุผลสุดท้ายที่ผมค่อนข้างชอบภาษาอังกฤษ คือ ผมว่าภาษาไทยยากกว่า ไหนจะวรรณยุกต์ คำเป็นคำตาย ครุ ลหุ ระดับภาษา โอ้ยเยอะแยะตาแป๊ะขวด อย่างคำว่า So ไม่ว่าจะเสียงสูงต่ำ ความหมายก็อาจเปลี่ยนไปตามบริบท (โซ โซ่ว โซ้ว) แต่ความหมายหลักก็ไม่ต่างกันมาก ถ้าเป็นภาษาไทย ปา ป่า ป้า ป๊า ป๋า คนละความหมายเลยนะตัวเธอ ถ้าให้ผมเปรียบภาษาเป็นความสัมพันธ์ ภาษาไทยนี่ Complicated สุดล่ะ บางคนอาจจะเถียงว่า อย่างน้อยไม่ได้ผัน tense นั่นก็จริง แต่ภาษาไทยไม่ยากกว่าหรือ เพราะบางครั้งเราเอาคำที่มีความหมายเหมือนกันไปใช้กับสถานะของบุคคลต่างกัน แค่คำว่า "กิน" ทั้ง "ทาน" "รับประทาน" "Dak" "ฉันท์" "เสวย" "ใส่ปาก" "เคี้ยว ๆ กลืน" ใช้เมื่อไหร่ ใช้กับใคร อย่างไร ไม่ งง หรือครับ?ผลลัพธ์ที่เห็นชัดที่สุด คือ ตอนสอบเข้ามาหาวิทยาลัย คะแนนภาษาอังกฤษ เยอะกว่าไทยครับ! แม้ว่าผมจะใช้ภาษาไทยบ่อยกว่าภาษาอังกฤษถ้าให้คำนึงถึงความชอบ vs. ความจำเป็น ในกรณีสอบมัน คือ "ความจำเป็น" แต่ผมโชคดีที่ชอบภาษาอังกฤษ เมื่อความจำเป็นบวกความชอบเข้าไป มันจึงเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีมาก ดังนั้น จึงนำมาสู่ข้อสรุปว่า ถ้าคุณชอบภาษาอังกฤษ ตั้งใจฝึกครับ ฝึกไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าคุณไม่ชอบ ขอให้สร้างบรรยากาศเพื่อให้คุณมองว่ามันมีความจำเป็นต้องใช้ เช่น อาหาร ถ้าคุณไม่ทานมันจะหิวแม้มันจะไม่อร่อย แต่คุณก็จำเป็นต้องทานเพราะมันสำคัญต่อร่างกาย นะยูวจำไว้นะครับ ภาษาอังกฤษเปรียบเสมือน Passport จะไปไหนมาไหนทั่วโลก ถ้าใช้ภาษาอังกฤษได้ ผมการันตีว่า "ไม่อดตาย"2. ภาษาอังกฤษ จะกลายเป็นอาวุธลับหรือไม่? ภาษาอังกฤษเปรียบเหมือนอาวุธลับหากเปรียบทักษะทั่วไป เช่น การคิดคำนวณ การสื่อสาร ฯ ที่คนทั่วไปมี อาจเปรียบเป็นอาวุธทั่ว ๆ ไป ที่ใคร ๆ หลายคนมี เช่น มีดดาบ ปืน หอก ที่มนุษย์สามารถใช้ป้องกันตัวได้ แต่ถ้าได้ฝึกฝนจนเคยชินอาวุธธรรมดาอาจทำให้คุณกลายเป็นเบอร์หนึ่งได้ แต่มีอาจารย์ท่านหนึ่งของผมเคยบอกผมไว้ว่า "ถ้าคุณไม่มีทางเป็นเบอร์ 1 ได้ จงทำให้ตัวเองต่างที่สุด" และทุกวันนี้ผมจำได้ขึ้นใจจนสามารถกล้าจะบอกกับทุกคนว่าผมกำลังจะพยายามสร้างความแตกต่างโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวขับเคลื่อนให้ถึงเป้าหมาย ผมนึกขึ้นได้ ครั้งเมื่อตอนไปฝึกกายภาพ ณ ศูนย์สว่างคานิวาส ครั้งที่ 2 ผมพบว่าตัวผมสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วกลายเป็นผมต้องอยู่ฝึกกับนักศึกษาต่างชาติตลอดเดือนกว่า ผมยังเปรยกับมะม้าว่า การฝึกครั้งที่ 2 เหมือนผมมาจ่ายค่าตอบแทนให้ศูนย์สว่างฯ เพราะต้องมาทำอาชีพเสริม - แม้ว่าจะไม่ได้ค่าตอบแทน แต่ผมก็มีความสุขนะครับ เพราะอย่างที่ผมเรียนในเบื้องต้นว่าผมชอบภาษาอังกฤษ ดังนั้นการได้สื่อสารภาษาอังกฤษจึงน่าจะถือเป็นความสุขของผมอย่างหนึ่งก็ได้ ไม่รู้สิครับ หลายคนอาจมองว่าการพูดภาษาอังกฤษได้น่าจะเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ผมกลับมองว่าถ้าผมได้สื่อสารแล้วคนฟังเข้าใจหรือถ่ายทอดการเรียนการสอนภาษาให้เป็นเรื่องที่ง่าย ผมว่ามันคือ ความสุขที่ยั่งยืนนะครับ ดังนั้น การฝึกภาษาอังกฤษ จึงเปรียบเสมือนอาวุธลับของผมที่เมื่ออาวุธลัพธ์พร้อมพร้อม มันจะแสดงอานุภาพของมันเอง ... Stay tunedท้ายนี้ฝากถึงนิสิตผู้สนใจชมรมภาษาอังกฤษคณะนิติศาสตร์ นเรศวรทุกท่าน มาเถอะครับอยากเจอ ไม่ได้ขู่มันยากจริง!ในเมื่อการเปลี่ยนสังคมมันยาก เปลี่ยนทัศนคติตัวเองง่ายกว่า GG ท้ายนี้ขอบพระคุณรูป1. ภากปก โดย Francesco Ungaro จาก https://unsplash.com/photos/RdLF_7_J5IM2. ถ้าอยากรู้ว่าการศึกษามีค่าเท่าไหร่ ลองเพิกเฉยดู และ การศึกษา คือ การลงทุนที่ต่ำที่สุด โดย wayhomestudio จาก https://bit.ly/3mc9XZf3. คุณมองภาษาอังกฤษอย่างไร โดย drobotdean จาก https://bit.ly/3mgTJOq4. ภาษาอังกฤษเปรียบเหมือนอาวุธลับ โดย freepik จาก https://bit.ly/3oLYFfT5. ไม่ได้ขู่มันยากจริง! โดย ผู้เขียนเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !