ผู้นำเลบานอน สงสัยการแทรกแซงจากภายนอก ใช้มิสไซล์จุดระเบิดเบรุต

วันนี้ (8 ส.ค.63) ประธานาธิบดีมิเชล อูน ของเลบานอน กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ "การแทรกแซงจากภายนอก" เช่น มิสไซล์ หรือระเบิด อาจเป็นสาเหตุของระเบิดทำลายล้างกรุงเบรุตเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 154 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 5,000 คน สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกินครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงเลบานอนแห่งนี้ 

ขณะที่หลายประเทศ ทยอยส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทีมกู้ภัย และ อุปกรณ์ต่างๆ เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาผู้ที่ยังสูญหายอีกเกือบร้อยราย 

ทางด้านสื่อท้องถิ่น รายงานว่า ประธานาธิบดีมิเชล อูน ระบุว่า แม้จะยังไม่สรุปสาเหตุระเบิด แต่ก็มีความเป็นไปได้ของการแทรกแซงจากภายนอก โดยการยิงมิสไซล์ หรือ ระเบิด หรือการกระทำอื่นๆ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเลบานอน กำลังพิจารณาว่า ระเบิดครั้งนี้เป็นผลจากความประมาทเลินเล่อหรืออุบัติเหตุหรือไม่

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีอูน และนายกฯ ฮัสซัน ดีอับ ต่างให้คำมั่นว่าจะสอบสวนอย่างเต็มที่และหาตัวผู้กระทำผิดที่อยู่เบื้องหลังมาลงโทษตามกฎหมาย ขณะที่อัยการเลบานอน เปิดเผยว่า มีผู้ต้องสงสัย 16 คน ถูกจับกุมตัวไว้แล้ว หนึ่งในนั้นคือฮัสซัน คอเรย์เต็ม ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งนี้

ขณะที่ ชาวเลบานอนที่โกรธแค้นหายนะครั้งนี้ ได้ออกมาชุมนุมประท้วงบนถนนใกล้กับรัฐสภา ผู้ประท้วงจุดไฟเผาสิ่งของ ทำลายทรัพย์สินของร้านค้าและขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจ ทำให้ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา มีผู้ประท้วงบาดเจ็บหลายราย

นอกจากนี้ เทรซี ชามูน เอกอัครราชทูตเลบานอนประจำจอร์แดน เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนที่ 2 ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ต่อจาก ส.ส.มาร์วัน ฮามาเดห์ ที่ลาออกเป็นรายแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา  โดยให้เหตุผลว่า ไม่อาจทนกับความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลได้อีกต่อไป

รัฐบาลเลบานอนเผชิญการชุมนุมประท้วงขับไล่มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ประชาชนที่ไม่พอใจความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันพยายามเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับแต่สงครามปี 2518-2530 การระบาดของโควิด-19 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ในประเทศ