10 วิธีรับมือกับเรื่องแย่ๆ ปล่อยวางความทุกข์ เปลี่ยนชีวิต | บทความโดย Pchalisa ชีวิตใครๆ ก็ต้องเคยเจอเรื่องไม่คาดฝัน เรื่องแย่ๆ ที่ทำให้รู้สึกท้อแท้และหมดหวัง จริงไหมคะ? ความทุกข์ใจ ความกลัว และความผิดหวัง เป็นอารมณ์ที่ทุกคนต้องเคยสัมผัสมาแน่นอน หนักไปว่านั้นบางคนอาจเคยรู้สึกว่าชีวิตช่างหนักหนาเกินไปไหม? เจอแต่เรื่องร้ายๆ ติดต่อกันจนรู้สึกท้อแท้ อยากจะหนีไปให้ไกลๆ ไปที่ไหนก็ได้ที่จะทำให้สถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้น อย่าเพิ่งหมดหวังและหมดกำลังใจค่ะ เพราะสถานการณ์เหล่านั้นผู้เขียนก็เคยเจอมาก่อน และในบทความนี้ผู้เขียนมีแนวทางแก้ไขมาบอกต่อ เพื่อกำจัดปัญหาที่ว่าจะทำอย่างไรต่อดี เพื่อให้เราสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง ในตอนที่เราเจอเรื่องไม่ดีซัดเข้าอย่างจัง และคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข แม้ในวันที่รู้สึกแย่ที่สุด เพราะอำนาจที่มีอยู่ในมือเราคืออำนาจในการเลือกค่ะ และอะไรที่เราโฟกัสมันจะมีมากขึ้น ก็เหมือนกันในวันที่แย่เราโฟกัสอะไร สิ่งนั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้น ดังนั้นเรามารู้ดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้เราสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ ดังวิธีการต่อไปนี้ค่ะ 1. ยอมรับความรู้สึก อย่าปฏิเสธความรู้สึกตัวเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสียใจ โกรธหรือผิดหวัง การยอมรับความรู้สึกจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะการยอมรับความรู้สึกตัวเองในวันที่แย่ๆ นั้นเปรียบเสมือนการให้กำลังใจตัวเองในเบื้องต้นเลยค่ะ เพราะมันหมายความว่าเราเข้าใจและยอมรับว่าตอนนี้เรารู้สึกแบบนี้จริงๆ ไม่ได้พยายามปฏิเสธหรือหนีจากมัน และเมื่อเราเข้าใจว่าอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนี้ ก็จะช่วยให้เราหาทางรับมือกับมันได้ดีขึ้น ในขณะที่การเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวจะทำให้เรารู้สึกเครียดมากขึ้น การปล่อยให้ความรู้สึกไหลผ่านจะช่วยลดความเครียดได้ค่ะ การยอมรับความรู้สึกจะช่วยให้เราไม่จมอยู่กับความรู้สึกนั้นนานเกินไป และสามารถกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น การฝึกยอมรับความรู้สึกทั้งบวกและลบ จะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น และสามารถรับมือกับความผันผวนทางอารมณ์ได้ดีขึ้นนะคะทุกคน 2. ให้เวลาตัวเอง การให้เวลากับตัวเองในวันที่รู้สึกแย่ เป็นเหมือนการให้โอกาสตัวเองได้พักผ่อนและฟื้นฟูจิตใจค่ะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เนื่องจากการอยู่คนเดียวจะช่วยให้เรามองลึกลงไปในใจ และเข้าใจว่าอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนี้ การยอมรับความรู้สึกเหล่านั้น จะช่วยให้เราปล่อยวางและก้าวผ่านมันไปได้ เมื่อเราให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนจากสิ่งเร้ารอบข้าง จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย ลดความเครียด และความวิตกกังวลลงได้ค่ะ ดังนั้นลองทำกิจกรรมที่เราชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงหรือออกกำลังกาย จะช่วยสร้างพลังงานบวกและความสุขให้กับเราได้ การให้เวลาตัวเองทบทวนสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต จะช่วยเปลี่ยนมุมมองและทำให้เรารู้สึกดีขึ้นนะคะ การใช้เวลาคิดถึงเป้าหมายและวางแผนอนาคต จะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจและมองโลกในแง่ดีมากขึ้น แต่การจัดการกับอารมณ์ต้องใช้เวลา อย่ารีบเร่งกับตัวเองและให้เวลาตัวเองได้ฟื้นฟูค่ะ 3. หาสาเหตุ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? การหาสาเหตุของความรู้สึกแย่ๆ ในวันที่ไม่ดี เป็นเหมือนการไขปริศนาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาค่ะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านเข้าใจตัวเองมากขึ้น คือเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของความรู้สึกแย่ๆ ก็จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของอารมณ์ตัวเองมากขึ้น เมื่อรู้สาเหตุแล้ว คุณผู้อ่านจะสามารถวางแผนเพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ๆ ได้ การหาสาเหตุจะช่วยให้เรารู้สึกว่ามีอำนาจในการควบคุมสถานการณ์มากขึ้น ทำให้ความกังวลลดลง การวิเคราะห์สาเหตุจะช่วยให้เราเรียนรู้จากประสบการณ์ และสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่คล้ายกันได้ดีขึ้นในอนาคตได้ค่ะ 4. พูดคุยกับคนใกล้ชิด อีกแนวทางที่เป็นไปได้คือการพูดคุยกับคนใกล้ชิดในวันที่รู้สึกแย่ค่ะ และการทำแบบนี้ถือเป็นเหมือนการแบ่งปันน้ำหนักให้คนอื่นช่วยแบกรับค่ะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เนื่องจากถือเป็นการได้ระบายความรู้สึกออกมาให้ใครสักคนฟัง ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว และมีคนเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ในบางครั้งเราจะได้คำพูดปลอบโยนหรือคำแนะนำที่ดีจากคนนั้นด้วยนะคะ และสิ่งนี้จะช่วยให้เรารู้สึกมีกำลังใจและมองโลกในแง่ดีมากขึ้นค่ะ การได้พูดคุยกับคนอื่น ยังทำให้เรามองเห็นปัญหาในมุมที่แตกต่างออกไปด้วย และค้นพบวิธีแก้ไขปัญหาที่เราอาจมองข้ามไป การรู้สึกว่ามีคนอยู่เคียงข้างจะช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาลงได้ โดยการเปิดใจคุยกันจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของเรากับคนใกล้ชิดแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ 5. เขียนบันทึก การเขียนบันทึกในวันที่รู้สึกแย่นั้น เป็นเหมือนการเปิดใจให้ตัวเองได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมาค่ะ ถ้าเราทำแบบนี้ได้เราจะรู้สึกดีขึ้น เพราะการเขียนบันทึกจะช่วยให้เราได้สำรวจความคิดและความรู้สึกของเราอย่างละเอียด ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี การเขียนบันทึกเป็นเหมือนการปล่อยของที่ทำให้ความเครียดและความกังวลลดลง เพราะเราได้ระบายทุกอย่างออกมาแล้ว อีกทั้งเมื่อเขียนบันทึกออกมา เราจะเห็นภาพรวมของปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ ทำให้เรามองเห็นทางออกได้ชัดเจนขึ้น การเขียนบันทึกจะช่วยให้เรามองสถานการณ์ในมุมที่แตกต่างออกไป อาจทำให้เราค้นพบแง่มุมบวกที่เรามองข้ามไป การฝึกเขียนบันทึกเป็นประจำจะช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น และทำให้เรามีความเข้มแข็งทางอารมณ์มากขึ้นค่ะ 6. ฝึกสติ ถ้าเจอเรื่องแย่ๆ ให้ลองกลับมาฝึกสติค่ะ ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นเหมือนการให้พื้นที่กับจิตใจของเราได้พักผ่อนและเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันค่ะ ในวันที่รู้สึกแย่ การฝึกสติจะช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น เราจะสังเกตเห็นความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจโดยไม่ตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ หรือความวิตกกังวล การฝึกสติช่วยให้เราหันมาสนใจลมหายใจและสัญญาณต่างๆ ของร่างกาย ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย ลดความเครียดและความกังวลลงได้ เมื่อจิตใจสงบ เราจะสามารถมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ ไม่หลงไปกับความคิดที่วนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ ช่วยให้เราหาทางแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น การฝึกสติเป็นประจำจะช่วยให้เราพัฒนาความอดทนและความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ทำให้เราสามารถรับมือกับความผันผวนของชีวิตได้ดีขึ้นค่ะ 7. มองโลกในแง่ดี การมองโลกในแง่ดีในวันที่รู้สึกแย่ เป็นเหมือนการจุดประกายความหวังให้กับตัวเองค่ะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ จากที่เมื่อเรามองโลกในแง่ดี เราจะรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงอุปสรรคชั่วคราว และเราจะสามารถผ่านมันไปได้ ทำให้ความเครียดและความกังวลลดลง การมองหาสิ่งดีๆ ในทุกสถานการณ์ จะช่วยให้เรารู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เรามี และมีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น การมองไปข้างหน้าและเห็นโอกาสใหม่ๆ จะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะก้าวต่อไป การมองโลกในแง่ดีมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพที่ดีขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งคนที่มองโลกในแง่ดีมักจะดึงดูดคนอื่นๆ ให้เข้ามาในชีวิต และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ด้วย 8. ขอบคุณสิ่งที่มี เมื่อเราขอบคุณสิ่งที่มีอยู่ แม้ในวันที่รู้สึกแย่ เป็นเหมือนการเปิดประตูสู่ความรู้สึกบวกในใจเราค่ะ การทำแบบนี้ถือเป็นการเปลี่ยนโฟกัส จากการจมอยู่กับเรื่องไม่ดีมาก่อน ถ้าเราสามารถหันมาสนใจสิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่รอบตัว จะทำให้ความรู้สึกแย่ลดลงไป การขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยให้เรารู้สึกขอบคุณและชื่นชมชีวิตมากขึ้น ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น การฝึกขอบคุณเป็นประจำ จะช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น และเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น เมื่อเราโฟกัสไปที่สิ่งดีๆ ความเครียดและความกังวลก็จะลดลงตามไปด้วย การขอบคุณจะช่วยให้เรามีความแข็งแกร่งทางอารมณ์มากขึ้น และสามารถรับมือกับความผันผวนของชีวิตได้ดีขึ้นค่ะ 9. ตั้งเป้าหมายใหม่ ถ้าเราตั้งเป้าหมายใหม่ในวันที่รู้สึกแย่ มันเป็นเหมือนการจุดประกายความหวังใหม่ให้กับตัวเองค่ะ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนโฟกัส ให้ตัวเราหันมาสนใจสิ่งที่เราอยากจะทำในอนาคต จึงทำให้ความรู้สึกแย่ลดลงไป เป้าหมายใหม่จะเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ และก้าวต่อไปด้วยค่ะ การมีเป้าหมายจะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมายมากขึ้น และมีสิ่งที่น่าคาดหวัง เมื่อเราบรรลุเป้าหมายเล็กๆ น้อยๆ ได้ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองด้วย และการมีเป้าหมายจะทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ และมีอะไรให้ทำอยู่เสมอนะคะทุกคน 10. หาอะไรทำ การหาอะไรทำในวันที่รู้สึกแย่ เป็นเหมือนการสร้างสรรค์กิจกรรมบวกเข้ามาแทนที่ความรู้สึกไม่ดีค่ะ และนี่คือการเปลี่ยนโฟกัสตัวเองค่ะ กิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลายได้ กิจกรรมที่เราชอบจะสร้างความสุขและความพึงพอใจให้กับเรา เมื่อเราทำอะไรสำเร็จ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง ตลอดจนกิจกรรมบางอย่างยังช่วยให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือสร้างสรรค์ผลงานอะไรบางอย่างด้วยค่ะ ก็จบแล้วค่ะ พอจะมองภาพออกไหมคะ? ไม่ยากเลยใช่ไหมว่าต้องทำอะไรบ้างถึงจะรู้สึกดีในวันแย่ๆ ปกติผู้เขียนก็ปรับใช้แนวทางในบทความนี้นะคะ และสิ่งที่ทำประจำก็คือ การหาอะไรทำ ต้องพยายามทำตัวเราให้ยุ่งไว้ค่ะ เพราะช่วยได้เราลืมเรื่องแย่ๆ ได้ จากไม่มีเวลาไปโฟกัสเรื่องแย่ๆ ค่ะ และกิจกรรมที่ชอบของผู้เขียน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ออกกำลังกาย หรือลองทำอะไรใหม่ๆ ทำสวน ทำอาหาร หาฟังความรู้ต่างๆ นอนพักผ่อนบ้าง ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองนำไปปรับใช้ดูค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Liza Summer จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Chinmay Singh จาก Pexels, ภาพที่ 2 โดย Tirachard Kumtanom จาก Pexels, ภาพที่ 3 ออกแบบใน Canva และภาพที่ 4 โดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://news.trueid.net/detail/MWojZJw4LxZe https://news.trueid.net/detail/y4QGm6JZERKz https://news.trueid.net/detail/3zjwpaoa9JQn เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !