จำความรู้สึกหนาวเหน็บยะเยือกบนยอดเขา Blackwood Pines ได้ไหม? จำความตื่นเต้นระทึกใจที่ต้องเลือกว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิตจากค่ำคืนอันโหดร้ายนั้นได้หรือเปล่า? Until Dawn หนึ่งในเกมสยองขวัญที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในยุค PlayStation 4 ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบ Remake บน PlayStation 5 และ PC แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้มาพร้อมกับกราฟิกที่สวยงามขึ้น ระบบเกมเพลย์ที่ลื่นไหล และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น แต่คำถามคือ ประสบการณ์ความสยองขวัญที่ตัวเกมมอบให้ จะยังคงความเข้มข้นและตรึงเครียดเหมือนเดิมหรือไม่? ในรีวิวนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่โลกแห่งความกลัวอีกครั้ง และเจาะลึกทุกแง่มุมของ Until Dawn Remake พร้อมเล่าประสบการณ์สุดระทึกที่ผมได้พบเจอระหว่างการเล่นเกมนี้ กราฟิกและบรรยากาศ สิ่งแรกที่สัมผัสได้ทันทีที่เริ่มเล่น Until Dawn Remake คือความสวยงามของภาพกราฟิก ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยความละเอียดสูง ใบหน้าแสดงอารมณ์ได้อย่างสมจริง เสื้อผ้าและเส้นผมมีรายละเอียดที่น่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น สภาพแวดล้อมภายในเกม ไม่ว่าจะเป็นกระท่อมบนยอดเขา ป่าสนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หรือเหมืองร้างอันน่าขนลุก ล้วนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน แสงเงาที่สมจริงยิ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความน่ากลัวให้ชวนขนลุก ผมจำได้ว่าช่วงที่ต้องเดินสำรวจเหมืองร้างกับ Josh บรรยากาศตอนนั้นมันอึดอัดและกดดันสุดๆ เสียงน้ำหยด เสียงลมพัด ประกอบกับแสงไฟสลัวๆ จากตะเกียง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามองตลอดเวลา เนื้อเรื่องและตัวละคร เนื้อเรื่องของ Until Dawn Remake ยังคงเดิม โดยเล่าถึงกลุ่มเพื่อนวัยรุ่น 8 คนที่เดินทางไปพักผ่อนยังกระท่อมบนภูเขา แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรโรคจิต และต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากค่ำคืนอันยาวนาน สิ่งที่ทำให้ Until Dawn Remake ยังคงน่าติดตาม คือ "Butterfly Effect" ระบบที่ทำให้ทุกการตัดสินใจของผู้เล่น ส่งผลต่อเนื้อเรื่องและชะตากรรมของตัวละคร ผมจำได้ว่าในช่วงแรกของเกม ผมเลือกที่จะให้ Mike (ตัวละครที่ผมชอบที่สุด) แสดงความกล้าหาญ แต่ปรากฏว่าการตัดสินใจครั้งนั้น กลับนำไปสู่เหตุการณ์เลวร้ายที่ทำให้ตัวละครอีกตัวหนึ่งต้องตาย ตอนนั้นผมรู้สึกผิดมาก และพยายามย้อนกลับไปเล่นใหม่เพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งนี่แหละคือเสน่ห์ของ Until Dawn ที่ทำให้เราอยากเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อดูว่าผลลัพธ์ของแต่ละตัวเลือกจะเป็นอย่างไร เกมเพลย์ รูปแบบการเล่นของ Until Dawn Remake ยังคงเป็นแนว Interactive Drama ที่เน้นการสำรวจ ค้นหาเบาะแส และตัดสินใจเลือกบทสนทนา แต่สิ่งที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นคือระบบ Quick Time Event ที่ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม นอกจากนี้ ตัวเกมยังเพิ่ม "โหมดผู้กำกับ" ที่ให้ผู้เล่นสามารถกำหนดชะตากรรมของตัวละครทั้งหมดได้ตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากสัมผัสกับเนื้อเรื่องในหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวผมชอบระบบ Quick Time Event ที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกตลอดเวลา โดยเฉพาะฉากที่ต้องหนีจากฆาตกร หรือฉากที่ต้องเลือกว่าจะช่วยใคร ซึ่งทุกการตัดสินใจล้วนส่งผลต่อความเป็นความตายของตัวละคร เสียงประกอบและดนตรี เสียงประกอบและดนตรี ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศความสยองขวัญ เสียงกรีดร้อง เสียงฝีเท้า เสียงลมหายใจ ล้วนถูกใส่เข้ามาอย่างลงตัว ยิ่งไปกว่านั้น ดนตรีประกอบที่ชวนขนลุก ยิ่งช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและระทึกใจให้กับผู้เล่น ผมจำได้ว่ามีอยู่ฉากหนึ่ง ที่ตัวละครกำลังเดินอยู่ในความมืด แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงดนตรีดังขึ้น พร้อมกับเงาปริศนาที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง ตอนนั้นผมแทบจะหยุดหายใจ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สรุป Until Dawn Remake คือเกมสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอประสบการณ์ความกลัว ความระทึกใจ และความตื่นเต้น ให้กับผู้เล่นอีกครั้ง กราฟิกที่สวยงามขึ้น ระบบเกมเพลย์ที่ลื่นไหล และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกปรับปรุง ยิ่งช่วยยกระดับความสนุกของเกมนี้ให้มากยิ่งขึ้น หากคุณเป็นแฟนเกมสยองขวัญ หรือเคยหลงรัก Until Dawn ในเวอร์ชั่น PlayStation 4 ผมขอแนะนำให้คุณลองสัมผัสกับ Until Dawn Remake แล้วคุณจะได้พบกับประสบการณ์ความสยองขวัญที่ยากจะลืมเลือน คะแนน: 9/10 เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !