ทำไมต้องตั้ง ip address ให้คงที่1.การใช้งานบนเครือข่ายแบบส่วนตัว (LAN): ถ้าคุณกำลังใช้งานคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต คุณสามารถตั้งค่า IP address ได้เองโดยใช้ IP address ที่เป็นส่วนตัว2.การใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (WAN): ถ้าคุณต้องการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต คุณจะต้องได้รับ IP address จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ โดยทั่วไปมักจะเป็นการกำหนด IP address อัตโนมัติผ่าน DHCP ก็คือการให้ ip address แบบ สุ่มนั้นเอง3.การใช้งานเครือข่ายเสมือน (Virtual Networks): ในบางกรณี เช่น การใช้งานเครือข่ายเสมือนบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัว คุณอาจต้องกำหนด IP address เพื่อให้เครือข่ายเสมือนนี้สามารถทำงานได้ สรุปง่ายๆการตั้ง ip address ก็เพื่อไม่ให้มีการสุ่มหรือ random ip address นั้นเองขั้นตอนที่ 1 ของการตั้ง ip address windows10/11 คลิกขวาที่ desktop เลือกหัวข้อ peronalize หรือ display settings ก็ได้ขั้นตอนที่ 2 ทำการเลือกไปที่หัวข้อ network & internet ขั้นตอนที่ 3 เมื่อมาถึงหน้านี้ให้ทำการเลือกที่หัวข้อ ethernet ขั้นตอนที่ 4 เมื่อเข้ามาที่หัวข้อ ethernet ให้มองหาปุ่ม edit หัวข้อ ip assignmentขั้นตอนที่ 5 เมื่อมาถึงหัวข้อ edit ip settings ให้ทำการเลือกหัวข้อ manualขั้นตอนที่ 6 พอมาถึงหน้านี้ก็จะมีอยู่ 2 ระบบ คือ ipv4 และ ipv6 เลือกระบบที่จะทำการเปิดใช้ความยาวของที่อยู่ (Address Length):IPv4: IPv4 ใช้ที่อยู่ 32 บิต (4 ตัวเลขที่แตกต่างกันด้วยจุด เช่น 192.168.1.1)IPv6: IPv6 ใช้ที่อยู่ 128 บิต (ที่อยู่หมายเลขฐาน 16 ซึ่งมักแสดงในรูปแบบของตัวอักษรและตัวเลข เช่น 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334)การรองรับการรักษาความปลอดภัย (Security):IPv4: IPv4 ไม่มีความรองรับการรักษาความปลอดภัยในรูปแบบเดียวกับ IPv6 ที่มีการรองรับเครือข่ายรักษาความปลอดภัยที่มากขึ้น.IPv6: IPv6 มีการรองรับความปลอดภัยมากขึ้นด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น IPsec ที่รวมถึงการรับรองตัวตนและการเข้ารหัสข้อมูลการเลือกใช้ IPv4 หรือ IPv6 ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของระบบและความเข้าใจของคุณในการใช้งาน แต่เหมือน IPv6 มีแนวโน้มที่จะเป็นมาตรฐานสำหรับอินเทอร์เน็ตในอนาคตขั้นตอนที่ 7 ให้ทำการกรอก ip address ให้เรียบร้อย1.1 IP address (Internet Protocol address) คือรหัสหรือที่อยู่ที่ใช้ในการระบุและติดต่อกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจเป็นตัวเลขหรือตัวอักษรที่ใช้เป็นตัวบอกตำแหน่งของอุปกรณ์นั้นในเครือข่าย ในรูปแบบของ IPv4, มันจะเป็นเลขที่มีรูปแบบเช่น 192.168.1.1 ใน IPv6, มันจะเป็นสตริงที่มีรูปแบบเช่น 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334 ซึ่งใช้เลขฐาน 16 และตัวอักษร A ถึง F และเลขฐาน 10 ในการระบุที่อยู่ IP ของอุปกรณ์1.2 Subnet mask (หรือ netmask) ใช้ในการกำหนดว่าบางส่วนของที่อยู่ IP เป็นส่วนของเครือข่ายและส่วนอื่นๆ เป็นส่วนของอุปกรณ์ในเครือข่ายนั้น ๆ สามารถใช้สามบรรทัดเพื่อแสดง subnet mask ในรูปแบบของ IPv4 ได้ดังนี้:Decimal Notation (ตัวเลขฐาน 10): ในรูปแบบธรรมดา, subnet mask จะแสดงเป็นตัวเลขที่ประกอบด้วย 4 ช่วงของตัวเลข ที่แต่ละช่วงมีค่าระหว่าง 0 ถึง 255, เช่น 255.255.255.0 เป็น subnet mask ที่บอกว่า 24 บิตแรกคือส่วนของเครือข่ายและ 8 บิตท้ายคือส่วนของอุปกรณ์ในเครือข่าย.Binary Notation (ตัวเลขฐาน 2): subnet mask สามารถแสดงเป็นรูปของตัวเลขฐาน 2 ที่ประกอบด้วย 32 บิต, เช่น 11111111.11111111.11111111.00000000 เป็น subnet mask ของเครือข่ายขนาด /24.CIDR Notation (Classless Inter-Domain Routing): CIDR notation เป็นรูปแบบที่บอกความยาวของ subnet mask โดยใช้ / ตามด้วยจำนวนบิตที่ใช้สำหรับเครือข่าย, เช่น /24 หมายถึง subnet mask ที่มี 24 บิตแรกเป็นส่วนของเครือข่ายตัวอย่าง subnet mask Subnet Mask 255.255.255.0 (CIDR /24):คำอธิบาย: ใน subnet mask นี้, 3 ตัวเลขแรก (255.255.255) คือส่วนของเครือข่ายและตัวเลขที่ 4 (0) คือส่วนของอุปกรณ์ในเครือข่ายตัวอย่าง IP address: 192.168.1.10หมายถึง: 192.168.1 เป็นส่วนของเครือข่าย และ 10 เป็นอุปกรณ์ในเครือข่ายSubnet Mask 255.255.0.0 (CIDR /16):คำอธิบาย: ใน subnet mask นี้, 2 ตัวเลขแรก (255.255) คือส่วนของเครือข่ายและตัวเลขที่ 3 และ 4 (0) คือส่วนของอุปกรณ์ในเครือข่ายตัวอย่าง IP address: 10.0.5.50หมายถึง: 10.0 เป็นส่วนของเครือข่าย และ 5.50 เป็นอุปกรณ์ในเครือข่ายSubnet Mask 255.0.0.0 (CIDR /8):คำอธิบาย: ใน subnet mask นี้, 1 ตัวเลขแรก (255) คือส่วนของเครือข่ายและตัวเลขที่ 2, 3, และ 4 (0) คือส่วนของอุปกรณ์ในเครือข่ายตัวอย่าง IP address: 172.16.10.100หมายถึง: 172 เป็นส่วนของเครือข่าย และ 16.10.100 เป็นอุปกรณ์ในเครือข่าย 1.3 Gateway (หรือ Default Gateway) คืออุปกรณ์หรือที่อยู่ IP ที่ใช้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายของคุณและเครือข่ายอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ต มันทำหน้าที่เป็นเสาเชื่อมต่อของคุณเพื่อส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่น ๆ ที่ไม่อยู่ในเครือข่ายของคุณ สั้นๆ ก็คือ "ประตูเชื่อมต่อ" ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงเครือข่ายภายนอกได้ผ่านเครือข่ายของคุณเอง.เมื่อคุณส่งข้อมูลไปยังอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายอื่น ๆ ในอินเทอร์เน็ต, ข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Default Gateway ของคุณก่อน แล้ว Default Gateway จะนำข้อมูลนั้นส่งต่อไปยังเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตเส้นทางถัดไป.ตัวอย่าง Default Gateway:IPv4: 192.168.1.1IPv6: 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334Default Gateway เป็นส่วนสำคัญของการกำหนดค่าเครือข่ายในอุปกรณ์ของคุณเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตและบริการอื่น ๆ ในโลกออนไลน์ได้ผ่านเครือข่ายของคุณ 1.4 DNS (Domain Name System) คือระบบที่ใช้ในการแปลงชื่อโดเมน (เช่น www.hi.com) เป็นที่อยู่ IP (เช่น 192.168.1.1) และกลับกัน ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และบริการออนไลน์โดยใช้ชื่อเว็บไซต์แทนที่จะจำที่อยู่ IP ของมันได้สะดวกมากขึ้นขั้นตอนที่ 8 เมื่อตั้ง IP address เสร็จ ตามรูปภาพ ขั้นตอนสุดท้ายให้ทำการกด save เพื่อบันนทึกการเปลี่ยนแปลง IP address การเปลี่ยน ip address แบบที่สองขั้นตอนที่ 1 ให้ทำการไปที่ปุ่มค้นหา search แล้วพิมพ์หาเครื่องมือ control panelขั้นตอนที่ 2 ให้ทำการเลือกหัวข้อ network and internet ขั้นตอนที่ 3 ให้ทำการเลือกหัวข้อ network and sharing centerขั้นตอนที่ 4 ให้ทำการเลือกหัวข้อ ตามรูปภาพขั้นตอนที่ 5 ให้ทำการเลือกหัวข้อ properties ตามรูปภาพขั้นตอนที่ 6 ให้ทำการเลือกหัวข้อ (tcp/ipv4)ขั้นตอนที่ 7 ให้ทำการเลือกหัวข้อ user the following ip address แล้วทำการกรอกข้อมูล ip ในช่องสีฟ้าเมื่อเสร็จเรียบร้อย ให้ทำการกด OKเราจะได้อะไรจากการตั้ง ip address 1.ip address จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและคงที่อยู่เสมอ 2.เมื่อ ip address คงที่จะทำให้เราสามารถรู้ตำแหน่งว่าคอมแต่ละ ip คือเครื่องไหนเพราะเราได้ทำการตั้งให้คงที่ไว้แล้ว สรุปคือ การตั้งค่า ip address ก็เพื่อไม่ให้มีการสุ่ม ip address แบบมั่วนั้นเองติดตามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง YouTube ชื่อช่อง spbasicภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !