เซียนพนันเล่นไฮโลแก้เครียดช่วงโควิด เจอ ตร. โผล่ไล่จับ ตกใจกระโดดน้ำหนีกระเจิง

เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา นายยุทธนา โพธิวิหก นายอำเภออัมพวา พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ พ.ต.อ.เผด็จ ภู่บุบผากาญจน ผกก.สภ.อัมพวา พร้อม ตำรวจ สภ.อัมพวา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการเล่นพนันในบ้านเลขที่ 70 ม.1 ต.วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม จึงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบ

โดยพบผู้ลักลอบเล่นการพนันไฮโลจำนวนมากมีทั้งชายและหญิง ส่วนหนึ่งมีผู้สูงอายุกำลังนั่งมั่วสุมเล่นไฮโลกันอย่างหน้าดำคล่ำเครียด โดยไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ ทันทีที่เซียนพนันเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวงพนันก็แตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง ต่างคนต่างวิ่งหลบหนีการจับกุม

ขณะที่บางส่วนถึงกับกระโดดหนีลงคลอง โดย น.ส.พจนา เพื่อห่างหาย ว่ายหลบเข้าไปซ่อนตัวในกอผักตบชวา แม้เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ขึ้นฝั่งแต่ก็หลบซ่อนเงียบ เจ้าหน้าที่เกรงว่านางสาวพจนาจะเป็นตะคริวจมน้ำ จึงลงไปพาตัวขึ้นฝั่ง โดยนางสาวพจนาบอกว่า “มากินขนม พอเห็นตำรวจก็ตกใจวิ่งกระโดดลงน้ำ”

นอกจากนี้บางรายยังว่ายน้ำข้ามคลองไปได้แต่เจ้าหน้าที่ก็ตามจับกุมตัวมาได้ ขณะที่บางรายก็อ้างว่า เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ บางรายก็อ้างมาส่งลูกชิ้น

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถตามจัมกุมได้ รวม 5 ราย คือ นายกิตติธนภูมิ เกตุสุวรรณ์ อายุ 41 ปี รับเป็นเจ้าของบ้านผู้จัดให้มีการเล่นพนันไฮโล, นายสุพัฒน์ แก้วสมภักดิ์ อายุ 67 ปี รับเป็นเจ้ามือและร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน, นายสุชิต เพื่อห่างหาย อายุ 58 ปี, น.ส.พจนา เพื่อห่างหาย อายุ 55 ปี และ น.ส.เรวดี วรรณะ อายุ 56 ปี ทั้งหมดเป็นชาวตำบลวัดประดู่ร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน พร้อมด้วยของกลางลูกเต่า จำนวน 3 ลูก ถ้วยและฝาครอบ จำนวน 1 ชุด, แผ่นบอกแต้ม จำนวน 1 แผ่น, เงินสด จำนวน 1,400 บาท

จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งหมดให้การยอมรับสารภาพว่าอาศัยช่วงเวลาว่าง นัดหมายกันมาเล่นการพนันไฮโลแก้เครียด เจ้าหน้าที่จึง แจ้งหาว่า ร่วมเล่นการพนันไฮโลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันรวมตัวมั่วสุมอันก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ตามประกาศจังหวัดสมุทรสงคราม เรื่อง มาตรการเร่งด่วนเชิงพื้นที่ในการควบคุมการแพร่ระบาตใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ฉบับที่ 3

และฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ 3 ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัตหรือการกระทำ ดังกล่าวอันเป็นการให้เกิดการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ภายในเขตพื้นที่ที่ หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศกำหนด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป