รีเซต

'ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.' เล็งสินค้าเกษตรเดือนก.ค. 'ยางพารา-ปาล์มน้ำมัน-สุกร'​ ราคาขึ้น

'ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.' เล็งสินค้าเกษตรเดือนก.ค. 'ยางพารา-ปาล์มน้ำมัน-สุกร'​ ราคาขึ้น
มติชน
30 มิถุนายน 2563 ( 01:36 )
77
'ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.' เล็งสินค้าเกษตรเดือนก.ค. 'ยางพารา-ปาล์มน้ำมัน-สุกร'​ ราคาขึ้น

‘​ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.’ เล็งสินค้าเกษตรเดือนก.ค. ‘ยางพารา-ปาล์มน้ำมัน-สุกร’​ ราคาขึ้น

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนกรกฎาคม 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,629-15,811 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.41-1.31% เนื่องจากสต็อกข้าวเหนียวของผู้ประกอบการน้อยลง จึงมีความต้องการรับซื้อเพิ่มขึ้น น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 12.11-12.23 เซนต์ต่อปอนด์ (8.30-8.38 บาทต่อกิโลกรัม​) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.50-1.50% จากแรงหนุนของทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อราคาเอทานอล

 

ประกอบกับเงินเรียลของบราซิลที่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้ความสามารถในการส่งออกน้ำตาลของบราซิลลดลง จึงเป็นแรงกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของบราซิลเพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลมากกว่าน้ำตาล ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 36.96-37.20 บาทต่อกิโลกรัม​ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.35-1.00% เนื่องจากความต้องการใช้น้ำยางข้น ของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปผลิตถุงมือแพทย์ ถุงยางอนามัย และยางยืด ประกอบกับได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่หลายๆ ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ และแนวโน้มราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่​ ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ราคา 3.18-3.25 บาทต่อกิโลกรัม​ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.32-2.6% เนื่องจากมาตรการคลายล็อคดาวน์ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลในภาคการขนส่ง รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคและใช้ในภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศที่เริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติ สุกร ราคาอยู่ที่ 68.41-69.28 บาทต่อกิโลกรัม​เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.54-2.84% เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ และการเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2563 จะส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ประกอบกับประเทศจีนและเวียดนามประสบปัญหาการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร จึงมีความต้องการเนื้อสุกรจากไทยเพิ่มขึ้น และกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม​ ราคาอยู่ที่ 147.00-148.00 บาทต่ กิโลกรัม​เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.68-1.37% เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการคลายล็อคดาวน์และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการกุ้งในตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 8,772-8,889 บาทต่อตัน ลดลงจากเดือนก่อน 2.11-3.40% เนื่องจากกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้าข้าวลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่น ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งขัน ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 14,181-14,565 บาทต่อตัน ลดลงจากเดือนก่อน 0.54-3.16% เนื่องจากประเทศผู้นำเข้า อาทิ สหรัฐอเมริกา นำเข้าข้าวหอมมะลิปริมาณมากในช่วงที่ผ่านมา จึงเริ่มชะลอการรับมอบข้าวเพราะมีสต็อกข้าวเพียงพอแล้ว

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.65-7.81 บาทต่อกิโลกรัม​ลดลงจากเดือนก่อน 1.00-3.00% เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว และการนำเข้าจากประเทศเมียนมาที่ผ่อนปรนการนำเข้าไปถึงเดือนสิงหาคม 2563 ประกอบกับเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้คุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง ส่งผลให้ราคาปรับลดลง และมันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.56-1.61 บาทต่อกิโลกรัม​ ลดลงจากเดือนก่อน 0.62-3.70% เนื่องจากหลายพื้นที่มีฝนตกชุกไม่เอื้ออำนวยต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่งผลให้หัวมันสำปะหลังมีคุณภาพเชื้อแป้งต่ำ รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมีผลทำให้ราคาซื้อขาย หัวมันสดในประเทศลดลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง