ตร.เร่งไล่ล่าผู้ต้องสงสัย ฆ่าหญิงไทยที่ไต้หวัน สกัดหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน

พี่ชาย หญิงถูกฆ่ายัดศพในรถที่ไต้หวัน ร้องขอความเป็นธรรม ตร.ภาค 5 หลังน้องสาว-สามี ถูกฆาตกรรม พร้อมลูกฝาแฝดในท้อง แบ่งกำลัง 3 ชุด ไล่ล่าจับกุมผู้ต้องสงสัย สกัดหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชาย น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ ผู้เสียชีวิตจากฆาตกรรมที่ไต้หวัน ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วีระชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลัง น.ส.พจนีย์ ซึ่งตั้งครรภ์ลูกแฝดได้ 5 เดือน กับนายประเสริฐ โนราษ สามี ที่ถูกฆาตกรรมพร้อมกับลูกแฝดในท้อง ก่อนนำศพยัดไว้ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู จอดทิ้งไว้หน้าสถานีรถไฟกลางเมืองไต้หวัน เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน หรือ 5 วันที่ผ่านมา ก่อนผู้ต้องสงสัยที่เป็นชายไทย ที่สนิทสนมกับครอบครัวดังกล่าวได้หายตัวไป ซึ่งรายงานข่าวจากไต้หวัน ระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ก่อนนั่งเครื่องบินหลบหนีกลับไทย
นายยิ่งยศเผยว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุ 35 ปี สนิทสนมกับน้องสาวเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก และได้ไปทำงานเป็นล่ามกับน้องสาวที่ไต้หวัน ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ไม่ทราบว่ามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน แต่น่าเป็นเรื่องเงินที่น้องสาวให้ยืม เพราะก่อนเกิดเหตุช่วง 2 ทุ่ม วันที่ 8 มิถุนายน น้องสาวได้โทรศัพท์มาปรึกษา บอกว่าเธอให้ผู้ต้องสงสัยยืมเงิน 800,000 บาท และสร้อยทองคำหนักกว่า 10 บาท จากนั้นผู้ต้องสงสัยมาบอกกับเธอว่าเงินกับสร้อยคอที่ให้ยืม ถูกคนงานขโมยไป แต่น้องสาวไม่เชื่อจึงโทรศัพท์มาปรึกษาผม ว่าทำอย่างไรดี ซึ่งผมก็เตือนว่าให้ระมัดระวังชายคนนี้ไว้ก่อนวางสายไป หลังจากนั้น ไม่รู้ว่ามีเรื่องทะเลาะอะไรกันอีก ก่อนมาทราบข่าวว่าน้องสาวกับครอบครัวถูกฆ่าอย่างโหดร้าย
นายยิ่งยศกล่าวอีกว่า ที่อยู่ของของผู้ต้องสงสัยอยู่หมู่บ้านเดียวกับน้องสาวที่ อ.ไชยปราการ หลังเกิดเหตุ ช่วงวันที่ 9 มิถุนายน มีชาวบ้านบอกว่าเห็นเขากลับมาที่หมู่บ้านมารับส่งลูกไปโรงเรียน ก่อนหายตัวไป โดยไม่มีใครทราบว่าไปไหน
“ผู้ต้องสงสัย ปกติเป็นคนพูดจาดี และสนิมสนมกับน้องสาวมาก ถึงขั้นเวลาที่อยู่ไต้หวันด้วยกัน น้องสาให้คีย์การ์ดเปิดประตูบ้านเข้าออกได้อย่างสบาย ไม่คิดว่า จะฆ่าน้องสาวของผมที่กำลังตั้งท้องกับสามีอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้อยากขอความช่วยเหลือให้ตำรวจช่วยติดตามคดี เพื่อคืนเป็นธรรมให้กับผู้ตายด้วย” นายยิ่งยศกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมแล้ว พล.ต.ต.วีระชน ได้สั่งการพร้อมส่งชุดสืบภาค 5 ประสานกับท้องที่ สภ.ไชยปราการ เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านผู้ต้องสงสัยทันที แต่มีรายงานว่ายังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ออกติดตามและไลล่าผู้ต้องสงสัยเพื่อสกัดหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากอยู่ห่างจากชายแดนเพียง 40-50 กิโลเมตร ก่อนนำตัวมาสอบสวน และดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป